สาส์นมหาพรต 2018

สาส์นมหาพรต ค.ศ. 2018

ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส

“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง” (มธ  24 : 12)

 

พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

            ปัสกาของพระคริสตเจ้ากำลังใกล้เข้ามาอีกครั้งหนึ่ง  ในการเตรียมฉลองปัสกาของเรา ภายใต้พระญาณสอดส่อง พระเจ้าประทานเทศกาลมหาพรตให้เราแต่ละปี ในฐานะที่เป็น “เครื่องหมายอันศักดิ์สิทธิ์แห่งการกลับใจของเรา” [i]  เทศกาลมหาพรตเรียกร้องและทำให้เราสามารถกลับมาหาพระคริสตเจ้าด้วยความเต็มอกเต็มใจและในทุกแง่มุมแห่งชีวิต

พร้อมกับสาส์นปีนี้ ข้าพเจ้าอยากช่วยพระศาสนจักรทั้งมวลให้มีประสบการณ์ กับช่วงเวลาแห่งพระหรรษ-ทานนี้เสียใหม่ พร้อมกับมีความชื่นชมยินดีในความจริง  ข้าพเจ้าขอเริ่มจากพระวาจาของพระเยซูเจ้าในพระวรสารของนักบุญมัทธิว “เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง” (มธ 24 : 12)

พระวาจาเหล่านี้ปรากฏอยู่ในบทเทศน์ของพระคริสตเจ้าเกี่ยวกับการสิ้นพิภพ เป็นคำพูดที่พระคริสตเจ้าตรัสในนครเยรูซาเล็ม บนเนินเขามะกอก ณ ที่ซึ่งพระมหาทรมานของพระองค์จะเริ่มต้น  ในการตอบคำถามหนึ่งของอัครสาวก พระเยซูทรงทำนายถึงความทุกข์ยิ่งใหญ่และทรงอธิบายเหตุการณ์ที่ชุมชนผู้มีความเชื่อ จะพบตนเองอยู่ท่ามกลางการทดลองต่างๆ  ประกาศกเทียมจะพาให้ผู้คนหลงทาง และความรักซึ่งเป็นแก่นแห่งพระวรสารจะค่อยเย็นลงในหัวใจของคนเป็นอันมาก

 

ประกาศกเทียม

            ให้เราฟังถ้อยคำของพระวรสาร และพยายามเข้าใจหน้ากากลวงที่ประกาศกเทียมเหล่านั้นจะนำมาสวมใส่

พวกเขาอาจปรากฏมาในรูปแบบ “หมองู” ที่ปั่นอารมณ์มนุษย์ เพื่อทำให้เขาตกเป็นทาสแล้วนำไปสู่ที่ที่พวกเขาต้องการจะพาไป  บุตรของพระเจ้าจำนวนไม่น้อยที่หลงไปกับความสุขชั่วแล่น หลงไปว่ามันเป็นความสุขแท้จริง! มีมนุษย์ชายหญิงไม่น้อยที่ดำรงชีวิตในความฝันแห่งความร่ำรวย ซึ่งรังแต่จะทำให้เขาตกเป็นทาสเพื่อที่จะได้กำไร และได้ผลประโยชน์เล็กน้อย มีกี่คนที่ใช้ชีวิตไปในความเชื่อว่า พวกเขามีความพอเพียงในตนเอง และลงท้ายด้วยการอยู่อย่างสันโดษเดียวดาย

ประกาศกเทียมยังอาจเป็น “หมอกำมะลอ” ที่ดูเหมือนจะแก้ปัญหาทุกข์ได้ง่ายๆและรวดเร็ว แต่ลงท้ายแล้วปรากฏว่าไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง  มีคนหนุ่มสาวกี่มากน้อย ที่หลงติดยาเสพติด ความสัมพันธ์แบบชั่วคราว การได้มาซึ่งประโยชน์แบบง่ายๆแต่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต  มีกี่คนที่ติดกับดักอยู่กับการมีชีวิตไปวันๆที่มีความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็วซึ่งในที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งความหมาย พวกไร้หลักการเหล่านี้จะมัวสาละวนอยู่แต่สิ่งที่ไร้คุณค่าแท้จริง จะขโมยทุกสิ่งไปจากผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นศักดิ์ศรี เสรีภาพ และความสามารถที่จะรัก  มันจะยุยงให้เราลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ ให้นิยมสิ่งที่ปรากฏภายนอก ในที่สุดมันก็หลอกลวงเรา  เราไม่ควรแปลกใจในเรื่องนี้  เพื่อทำให้ใจมนุษย์ไขว้เขว ปีศาจซึ่งเป็น “จอมโกหกและเป็นบิดาแห่งการหลอกลวง”  (ยน  8 : 44) จะหลอกเราว่า ความชั่วเป็นความดีเสมอ ความเท็จเป็นความจริง นี่คือเหตุผลที่เราต้องมองลึกไปที่ใจของเราเพื่อสำรวจดูว่า เราตกเป็นเหยื่อต่อคำพูดมดเท็จของบรรดาประกาศกเหล่านี้หรือไม่ เราต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจอย่างใกล้ชิด ใต้ผิวใต้เปลือก เพื่อจะดูว่า อะไรที่มันให้การประทับใจที่ดีและยืนยาวแก่ดวงใจของเรา เพราะว่ามันมาจากพระเจ้าและเพื่อประโยชน์ต่อเราอย่างแท้จริง

หัวใจที่เย็นชา

            ในการบรรยายถึงนรก Dante Alighieri วาดภาพปีศาจนั่งบนก้อนน้ำแข็ง [ii]  อย่างโดดเดี่ยวแข็งทื่อไร้ความรัก  เราอาจถามตัวเองว่าความรักเมตตาจะเย็นลงในตัวเราได้อย่างไร  อะไรเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าความรักของเรากำลังเริ่มเย็นลง?

สิ่งที่ร้ายกว่าสิ่งใดๆคือความโลภ ซึ่งทำลายความรักของเรา  “มันคือรากเหง้าแห่งความชั่วทั้งปวง” (1 ทธ  6 : 10)  การปฏิเสธพระเจ้าและสันติของพระองค์ไม่ช้าก็จะตามมา  เราจะพอใจในความอยู่อย่างโดดเดี่ยวของเรา แทนที่จะมีชีวิตอยู่ในความสบายที่พบได้ในพระวาจาของพระเจ้าและในศีลศักดิ์สิทธิ์ [iii]  สิ่งเหล่านี้จะพาไปสู่การใช้ความรุนแรงต่อใครๆ ที่เราคิดว่าเป็นพิษเป็นภัยต่อ “ความมั่นคง” ของเรา อาทิ ทารกที่ยังไม่เกิด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้อพยพย้ายถิ่น ผู้คนแปลกหน้า หรือแม้แต่เพื่อนบ้านซึ่งไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของเรา

แม้สิ่งสร้างเองก็เป็นประจักษ์พยานเงียบต่อความเย็นชาลงแห่งความรัก  โลกมีมลพิษเพราะขยะซึ่งถูกทิ้งโดยไม่เอาใจใส่ หรือ เพราะความเห็นแก่ตัว ทะเลก็มีมลพิษเป็นที่รองรับศพของเหยื่อ ที่ถูกบังคับให้ต้องย้ายถิ่นฐานและเกิดเรือล่มในทะเล ท้องฟ้าซึ่งในแผนการของพระเจ้าถูกสร้างขึ้นมา เพื่อขับร้องสรรเสริญพระเจ้า แต่มันก็ถูกใช้โดยเครื่องยนต์ ที่พ่นพิษแห่งความตายมาสู่โลก

ความรักอาจเย็นชาลงได้ในชุมชนของเราเช่นเดียวกัน   ในสมณลิขิตเตือนใจ (ความปีติยินดีแห่งพระวรสาร Evangelii Gaudium) ข้าพเจ้าพยายามอธิบายเครื่องหมายที่ชัดที่สุดแห่งการขาดความรัก การเห็นแก่ตัว ความเกียจคร้านฝ่ายจิต การมองโลกในแง่ร้าย การหลอกลวงให้อยู่แต่ในตัวตนเอง  การทำสงครามอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนระหว่างตัวเรา  และจิตตารมณ์โลกียวิสัยที่ทำให้เราห่วงอยู่แต่สิ่งภายนอก ซึ่งทำให้ความร้อนรนในงานธรรมทูตของเราลดลง[iv]

 

แล้วเราจะทำอย่างไร?

            บางทีลึกๆในตัวเราและรอบตัวเรา เราอาจเห็นเครื่องหมายที่ข้าพเจ้าเพิ่งจะกล่าวไป  แต่พระศาสนจักรผู้เป็นมารดาและอาจารย์ของเรา ซึ่งบ่อยครั้งมอบยาขมแห่งความจริงให้เราในช่วงเทศกาลมหาพรต ซึ่งเป็นยาแห่งการสวดภาวนาที่ช่วยรักษา เป็นการทำบุญให้ทาน และเป็นการจำศีล

อาศัยการอุทิศเวลามากขึ้นให้กับการสวดภาวนา เราจะสามารถทำให้ดวงใจของเราถอนรากถอนโคนออกจากการโกหกลับๆ และการหลอกตนเอง[v]  แล้วเราจะพบกับความบรรเทาที่พระเจ้าทรงมอบให้  พระองค์ทรงเป็นบิดาของเราและพระองค์ทรงต้องการให้เราเจริญชีวิตอย่างดี

การทำบุญให้ทาน จะทำให้เราเป็นอิสระจากความโลภ และช่วยให้เราถือเพื่อนบ้านเป็นเสมือนพี่น้อง  สิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของไม่ได้เป็นของข้าพเจ้าแต่เพียงลำพัง  ข้าพเจ้าใคร่ที่จะเห็นการทำบุญให้ทานว่าเป็นวิถีที่แท้จริงแห่งชีวิตของเราแต่ละคน  ข้าพเจ้าอยากเห็นพวกเราในฐานะที่เป็นคริสตชน ได้ติดตามแบบฉบับของบรรดาอัครสาวก พร้อมกับเห็นการแบ่งปันทรัพย์สินของเรา เป็นประจักษ์พยานที่สัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นความเป็นหนึ่งเดียวของเราในพระศาสนจักร  ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอหยิบเอาคำเตือนของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ให้รวบรวมทานสำหรับชุมชนแห่งนครเยรูซาเล็ม ดุจบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาเองจะได้รับประโยชน์ (เทียบ 2  คร  8 : 10)  นี่เป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรทำเป็นอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลมหาพรต ที่หลายกลุ่มชุมชนรวบรวมเงินทานเพื่อช่วยพระศาสนจักรและผู้คนที่เดือดร้อน  แต่ข้าพเจ้าก็หวังว่า แม้เราจะพบกับผู้ที่เดือดร้อนขอความช่วยเหลือของเราอยู่เสมอ เราคงเห็นคำขอเหล่านั้นดุจคำขอที่มาจากพระเจ้าเอง  เมื่อเราทำบุญให้ทาน เราแบ่งปันพระญาณสอดส่องดูแลของพระเจ้าสำหรับบุตรของพระองค์แต่ละคน  หากวันนี้พระเจ้าช่วยบางคนโดยอาศัยข้าพเจ้า วันพรุ่งนี้พระองค์จะไม่สนองต่อความต้องการของข้าพเจ้าหรือ? เหตุว่าไม่มีใครที่จะใจกว้างไปกว่าพระเจ้า [vi]

การจำศีลอดอาหาร ทำให้ความโน้มเอียงที่จะใช้ความรุนแรงของเราลดลง มันปลดอาวุธในตัวเราและเป็นโอกาสสำหรับเราที่จะพัฒนาเจริญเติบโตขึ้น  ในด้านหนึ่ง มันเปิดโอกาสให้เราสัมผัสกับสิ่งที่คนสิ้นหวังและคนที่อดอยาก ต้องทนกันอย่างไร ส่วนอีกด้านหนึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความหิวกระหายฝ่ายจิตของเราเองที่จะมีชีวิตในพระเจ้า  การจำศีลทำให้เราตื่นขึ้น  มันทำให้เราใส่ใจต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านมากขึ้น  มันฟื้นฟูความปรารถนาของเราที่จะนบนอบพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้เดียวที่จะทำให้ความหิวกระหายของเราอิ่มหนำสำราญได้

ข้าพเจ้าอยากให้การเชื้อเชิญของข้าพเจ้า ขยายวงกว้างเกินขอบเขตพระศาสนจักรคาทอลิกไปถึงท่านทั่วถ้วนทุกตัวคนทั้งชายและหญิง ผู้มีน้ำใจดีซึ่งเปิดใจกว้างให้กับเสียงของพระเจ้า  บางทีเฉกเช่นพวกเรา ท่านรู้สึกไม่สบายใจที่ความอยุติธรรมมันแพร่กระจายไปทั่วโลก  ท่านเป็นห่วงเป็นใยต่อความเย็นชาที่ทำให้หัวใจและพฤติกรรมของคนเราพิการ แล้วท่านยังเห็นความหมายที่ว่าเราเป็นสมาชิกของครอบครัวมนุษย์เดียวกันนั้นกำลังอ่อนกำลังลง ฉะนั้นขอให้ท่านร่วมมือกับเราในการเรียกร้องหาพระเจ้า ในการจำศีล และในการมอบสิ่งที่ท่านจะสามารถมอบให้ได้ ต่อพี่น้องชายหญิงของเราที่มีความขัดสนสิ่งที่จำเป็น

 

ไฟแห่งปัสกา

            เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าวิงวอนสมาชิกพระศาสนจักรให้เดินทางเทศกาลมหาพรตด้วยความกระตือรือร้น พร้อมกับเสริมพลังด้วยการทำบุญให้ทาน ถือศีลอดอาหาร และสวดภาวนา หากบางครั้งเปลวไฟแห่งความรักเมตตาดูเหมือนกำลังจะมอดไปในดวงใจของเรา จงทราบไว้ด้วยว่า นี่จะไม่ใช่กรณีดวงพระทัยของพระเจ้า  พระองค์ประทานโอกาสให้เราเริ่มต้นรักใหม่เสมอ

พระพรแห่งพระหรรษทานพิเศษปีนี้จะเป็น “24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า”  ขอเชื้อเชิญทุกชุมชนของพระศาสจักรทำการฉลองศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดีกัน ด้วยกระบวนการแห่งการนมัสการศีลมหาสนิท ในปี 2018 ด้วยแรงบันดาลใจแห่งพระวาจาของบทเพลงสดุดีที่ 130:4 “การให้อภัยอยู่กับพระองค์”  การเฝ้าศีลนี้จะมีตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 ถึงวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม ในแต่ละสังฆมณฑลอย่างน้อยต้องมีวัดหนึ่งที่เปิดประตูติดต่อกันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปิดโอกาสให้มีการนมัสการศีลมหาสนิทและการแก้บาป

ช่วงคืนตื่นเฝ้าก่อนวันปัสกาเราจะทำการเฉลิมฉลองอีกครั้งหนึ่งในพิธีจุดเทียนปัสกา  เมื่อได้รับมาจาก “ไฟใหม่” แสงสว่างนี้จะค่อยๆเอาชนะความมืด และส่องสว่างให้กับสัตบุรุษที่พากันมาชุมนุมร่วมพิธี ณ ที่นั้น “ขอให้แสงสว่างแห่งพระคริสตเจ้าผู้เสด็จกลับฟื้นคืนพระชนมชีพอย่างรุ่งโรจน์ จงขับไล่ความมืดแห่งดวงใจของเรา” [vii] และทำให้เราทุกคนสามารถมีชีวิตใหม่ ในประสบการณ์แห่งความเป็นศิษย์ที่กำลังเดินทางไปยังเมืองเอมมาอุส  อาศัยการฟังพระวาจาของพระเจ้าและได้รับการเลี้ยงดูจากโต๊ะแห่งศีลมหาสนิท ขอให้ดวงใจของเรามีความร้อนรนยิ่งขึ้นในความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก

ด้วยความรักและคำสัญญาว่า ข้าพเจ้าจะอธิษฐานภาวนาให้ทุกคน ขอส่งการอวยพรมาให้ท่าน กรุณาอย่าลืมสวดสำหรับข้าพเจ้าด้วย

 

จากนครวาติกัน  วันที่ 1 พฤศจิกายน 2017

วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย

ฟรังซิส

[i] Roman Missal, Collect for the First Sunday of Lent (Italian).

[ii] Inferno XXXIV, 28-29.

[iii] “It is curious, but many times we are afraid of consolation, of being comforted.  Or rather, we feel more secure in sorrow and desolation.  Do you know why?  Because in sorrow we feel almost as protagotists.  However, in consolation the Holy spirit is the protagonist!” (Angelus, 7nDecember 2014).

[iv] Evangelii Gaudium. 76-109.

[v] Cf. BENEDICT XVI, Encyclical Letter Spe Salvi, 33.

[vi] Cf. PIUS XII, Encyclical Letter Fidei Donum, III.

 

[vii] Roman Missal (Third Edition), Easter Vigil, Lucernarum.

 

 

สาส์นมหาพรต 2561

พระสังฆราช ฟิลิป บรรจง ไชยรา

 

พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า

เทศกาลมหาพรตเวียนมาอีกครั้งหนึ่งในวันพุธรับเถ้าที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561นี้ โอกาสนี้ พ่อจะนำเอาเนื้อหาสาระสำคัญในสาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส  มาเสนอเป็นแรงจูงใจเรา คริสตชน ปีนี้องค์สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเชิญชวนให้เราใช้ช่วงวันเวลาในเทศกาลมหาพรต สำรวจตัวเอง “กลับมาหาพระคริสตเจ้าด้วยความเต็มใจ และในทุกแง่ทุกมุมแห่งชีวิต” ให้คริสตชนดำเนินชีวิตในช่วงเทศกาลมหาพรตนี้ “ด้วยความกระตือรือร้นพร้อมกับเสริมพลังด้วยการทำบุญให้ทาน ถือศีลอดอาหาร และสวดภาวนา”

พระองค์ทรงให้แง่คิด เพื่อคริสตชนได้รับแรงบันดาลใจ และตื่นตัว โดยยกข้อความสั้นๆจากพระวรสารของนักบุญมัทธิว ใจความว่า “เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง” (มธ 24: 12) ความอธรรมจะเกิดขึ้นก็เพราะผลงานของประกาศกเทียม ซึ่งพระองค์ทรงเปรียบเทียบว่าประกาศกเทียมจะมาในหน้ากากของ “หมองู” ที่ปั่นอารมณ์มนุษย์เพื่อให้ตกเป็นทาส แล้วนำไปสู่ที่ที่พวกเขาต้องการ เช่นหลงไปกับความสุขชั่วแล่น หรือ ร่ำรวยเงินทองมากๆ ว่ามันเป็นความสุขแท้ อีกหน้ากากหนึ่งของประกาศกเทียมคือ “หมอผี” ที่ดูเหมือนจะแก้ปัญหาความทุกข์ได้ง่ายๆแต่ลงท้ายแล้วปรากฏว่าไร้ประโยชน์สิ้นเชิง เช่น ยาเสพติด ความสัมพันธ์แบบชั่วคราว ซึ่งทำให้มนุษย์ไร้ศักดิ์ศรี นอกจากนี้ก็ยังยุยงให้มนุษย์ลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ ให้นิยมสิ่งที่สัมผัสได้ภายนอก ช่วงเทศกาลมหาพรตจึงจำเป็นต้องมองลึกเข้าไปที่ใจของเรา สำรวจตัวเอง ทีนี้เราต้องถามตัวเองแล้วว่า เราตกเป็นเหยื่อคำพูดเท็จของประกาศกเทียมหรือไม่

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนอีกว่า อย่าให้ความรักในหัวใจของเราต่อเพื่อนมนุษย์และสิ่งสร้างของพระเจ้าเย็นชาลงเพราะความโลภ ความหลงใหลในเงิน(Greed for money) เงินคือ “รากเหง้าแห่งความชั่วทั้งปวง” (1 ทธ 6 : 10) หากมีความโลภในเงิน มองเงินสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ช้าการปฏิเสธพระเจ้า และพระวาจาของพระองค์ก็จะตามมา แล้วความรุนแรงต่อคนอื่นที่เราคิดว่าเป็นภัยต่อ “ความมั่นคง”ของเราก็จะเกิดขึ้น เช่น ต่อทารกที่ยังไม่เกิด ผู้สูงอายุ คนป่วย ผู้อพยพย้ายถิ่น คนแปลกหน้า หรือ แม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของเรา

พระองค์ทรงชี้ให้เห็นปรากฏการแห่งความจริงว่า การทำลายสิ่งสร้างของพระเจ้าเป็นประจักษ์พยานเงียบต่อความเย็นชาลงแห่งความรักของมนุษย์ เช่น โลกมีมลพิษ ขยะมูลฝอย ทั้งบนบกและในทะเล ท้องฟ้าก็มีเครื่องยนต์ที่พ่นพิษแห่งความตายมาสู่โลก แม้แต่ในชุมชนมนุษย์ความรักอาจเย็นชาลงได้เช่นเดียวกัน สาเหตุก็เพราะ ความเห็นแก่ตัว ความเฉื่อยชาฝ่ายชีวิตจิต การมองโลกในแง่ร้าย ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง โลกียวิสัยที่ทำให้เราสนใจแต่ในสิ่งหลอกลวง ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุให้ความร้อนรนในหน้าที่งานธรรมทูตของเราลดน้อยลง

โอกาสเทศกาลมหาพรตปีนี้ พ่อขอเน้นคำพูดของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ทรงตรัสว่า เพื่อความรักของเราจะไม่เย็นชาลง เราต้อง “เสริมพลังด้วยการทำบุญให้ทาน ถือศีลอดอาหาร และสวดภาวนา” นั้นก็คือการมอบสิ่งที่เราจะสามารถมอบให้ได้ต่อพี่น้องชายหญิงที่มีความต้องการ จำศีลอดหาร และเรียกร้องหาพระเจ้าด้วยความหวัง เพราะชีวิตคริสตชนคือการเดินทางไปพร้อมกับพระเจ้า

ท้ายสุด สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเชื้อเชิญชุมชนคริสตชน ฉลองศีลศักดิ์แห่งการคืนดี ซึ่งต้องเป็นไปพร้อมๆกับเฝ้าศีลมหาสนิทต่อเนื่อง 24 ชั่ว ในวันศุกร์ที่ 9 ถึง วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม ปี 2018 นี้ “ในแต่ละสังฆมณฑลอย่างน้อยต้องมีวัดหนึ่งที่เปิดประตูติดต่อกันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปิดโอกาสให้มีการนมัสการศีลมหาสนิทและการแก้บาป”

ด้วยการสำนึกแห่งการเป็นบุตรพระเจ้า และสมาชิกของพระศาสนจักร พ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส จะเป็นแรงจูงใจพี่น้องคริสตชนให้ใช้ช่วงวันเวลาในเทศกลมหาพรตนี้อย่างมีคุณค่า และนำไปปฏิบัติสำหรับการดำเนินชีวิตของตน

ขอพระนางมารีย์มารดาของพระศาสนจักร และมารดาของเรา อวยพร คุ้มครอง และดูแลทุกๆท่านให้พบแต่ความสุขและสันติที่แท้จริง

 

อวยพรมาในพระคริสตเจ้า

พระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา

ประธานกรรมาธิการฝ่ายสังคม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *