สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาเจอการประจญ อย่าคุยกับปีศาจ แต่จงภาวนาขอพระเจ้า เพราะถ้าเราเริ่มคุยกับปีศาจ เราก็แพ้แล้ว ตัวอย่างชัดเจนคือเอวา ทรงชี้ การโกงเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ อาทิ พวกขายของแล้วโกงตราชั่ง ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือปฐมกาล เป็นเหตุการณ์ที่งูล่อลวงอาดัมและเอวา พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า – ปีศาจปรากฏมาในรูปของงู มันมีเสน่ห์และน่าดึงดูดมาก อาศัยความเจ้าเล่ห์ของมัน ปีศาจจ้องจะหลอกลวงมนุษย์ เรื่องแบบนี้ปีศาจคือผู้เชี่ยวชาญ มันคือบิดาของการโกหก นี่คือสิ่งที่ปีศาจทำกับเอวา มันทำให้เอวารู้สึกดี จากนั้น มันเริ่มพูดคุยกับเอวา คุยทีละนิด คุยไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วซาตานหลอกเอวาไปตามที่มันต้องการ – แต่กับพระเยซูแล้ว มันแตกต่างกันสิ้นเชิง ทุกอย่างจบลงกับปีศาจแบบแย่มาก มันพยายามจะพูดคุยกับพระเยซู แต่พระองค์ไม่ยอมคุยกับมัน
CH_Pope with the poors
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาให้กับคนเร่ร่อนและคน สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาให้กับคนเร่ร่อนและคนจนโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พร้อมย้ำ คนยากจนและคนเร่ร่อนเป็นคนเหมือนกับเรา พวกเขาไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่หลายคนมองแบบเหยียดหยาม ทรงชี้ วัฒนธรรมทิ้งขว้างที่กำลังระบาดในยุคนี้ เป็นบ่อเกิดของความแข็งกระด้างทางจิตใจซึ่งทำให้เราสนใจแต่วัตถุสิ่งของที่ทำประโยชน์ให้ตัวเองท่านั้น ทรงเตือน ต่อให้เป็นบ้านของคนรวย มันก็จะไม่มีวันสงบสุข ตราบใดที่บ้านของเขายังขาดความยุติธรรม ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016 สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ให้กับคนเร่ร่อนและคนจนกว่า 6,000 คนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมพิธีโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยนี่เป็นมิสซาสุดท้ายของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมที่พระสันตะปาปาถวายให้กับกลุ่มต่างๆ ส่วนสัปดาห์หน้า พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาสมโภชพระเยซูกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งจะมีการสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ และพระสันตะปาปาจะปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า – คนยากจนและคนเร่ร่อนควรได้รับการพิจารณาเป็นคนเหมือนกัน พวกเขาคือคนที่สัมผัสได้ พวกเขาไม่ใช่คนไร้ค่า ตรงกันข้าม พวกเขาก็เป็นคนและเป็นคนที่มีคุณค่าด้วย – สิ่งที่อันตรายต่อวัฒนธรรมในยุคนี้ก็คือวัฒนธรรมทิ้งขว้าง นี่คืออาการของความแข็งกระด้างทางจิตใจ มันเกิดเมื่อเราสนใจแต่วัตถุสิ่งของที่ทำประโยชน์ให้เราเท่านั้น อาการนี้จะทำให้เรามองข้ามและไม่สนใจเพื่อนพี่น้องที่เราควรจะรักเขา โรคนี้คือบ่อเกิดของความขัดแย้งอันน่าสลดแห่งยุคนี้ มันมีพัฒนาการไปเรื่อยๆ
Leave a Reply