ต้อนรับพระธาตุคุณพ่อบอสโก

คลิปเสียงหนังสือนิมิตรสรรค์ 2

Get the Flash Player To see this player.

ในปี 1876 คุณพ่อบอสโกได้เล่าความฝันเรื่องหนึ่งซึ่งน่าสนใจมากท่านเล่าว่า
            พ่อปรากฏตัวอยู่ในดินแดนป่าเถื่อนแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อไม่เคยรู้จักมาก่อน มันเป็นที่ราบกว้างใหญ่ไพศาล ทว่าปราศจากพืชพันธุ์ใด ๆ ในที่ราบนั้นไม่มีเนินหรือภูเขาอยู่เลย ณ ปลายที่ราบซึ่งอยู่ไกลออกไปสุดสายตา...

สามารถมองเห็นเทือกเขาใหญ่โตเพียงลาง ๆ มีชนพื้นเมืองวิ่งไปมาตามที่เปลี่ยวนั้น พวกเขาเป็นคนรูปร่างสูง ผิวคล้ำและค่อนข่างดำ หน้าตาเหี้ยมเกรียมและดุร้าย ผมเหยียดตรงและยาว เสื้อผ้าทำด้วยหนังสัตว์ผืนเดียวคลุมจากไหล่จดเท้า อาวุธของเขาคือลาโซ (บ่วงบาศ)

พวกคนป่าเหล่านี้ซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่ เดี๋ยวก็รวมกลุ่มแสดงภาพต่าง ๆ กัน บ้างก็วิ่งไล่สัตว์ บ้างก็เงื้อหอกซึ่งแดงไปด้วยเลือกสด ๆ พลางตะโกนเอ็ดตะโรเอะอะสับสน บ้างก็รบราฆ่าฟันกันเอง บ้างก็พุ่งเข้าใส่พวกทหารซึ่งแต่งเครื่องแบบชาวยุโรป ทำให้แผ่นดินเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพนับไม่ถ้วน พ่อรู้สึกสะท้อนด้วยความกลัวในภาพอันน่าสยดสยองนี้ ต่อจากนั้นมีคนมากมายโผล่มาจากสุดเขตที่ราบ จากเครื่องราบ จากเครื่องแต่งกายและท่าทาง พ่อทราบได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นธรรมทูตของคณะต่าง ๆ พวกเขาเดินรุดหน้าเข้ามา และเข้าไปใกล้ชาวป่าเหล่านั้น เพื่อเผยพระคริสต์ศาสนาพ่อพยายามสังเกตเขาทีละคน ๆ แต่พ่อไม่รู้จักใครเลย

พวกธรรมทูตเหล่านั้น เดินเข้าไปในระหว่างชายป่าด้วยความกล้าหาญ แต่ชาวป่าดุร้ายเหล่านั้นพอได้ระยะเหมาะก็แผดเสียงราวกับปีศาจ และแสยะยิ้มด้วยความยินดีพลางพุ่งตัวเข้าใส่ธรรมทูตเหล่านั้นจับทรมาน ฆ่า และฉีกเนื้อซึ่งถูกแทงพรุนไปทั้งร่างกายออกเป็นชิ้น ๆ อย่างหน้าหวาดเสียว

ขณะที่กำลังดูการฆาตรกรรมโหดร้ายทารุณนี้ พ่อได้รำพึงในใจว่า “มันจะเป็นไปได้หรือ ที่จะช่วยคนที่โหดร้ายเยี่ยงสัตว์เหล่านี้ให้กลับใจ”

ขณะนั้นพ่อได้เหลือบไปเห็นพวกธรรมทูตอีกกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสตรงเข้าไปหาชาวป่าดุร้ายเหล่านั้น แต่พวกธรรมทูตเหล่านี้มีเด็ก ๆ ลูกชาวป่าเดินนำหน้ามาด้วย พ่อรู้สึกกลัวจนตัวสั่นและคิดว่า

“พวกเหล่านั้นมาให้เขาฆ่าอีกแล้ว”

พ่อสังเกตดูก็จำได้ว่าเป็นพระสงฆ์และสามเณรพ่อรู้จักดีเขาเป็นสงฆ์ซาเลเซียนนั่นเอง จึงอุทานออกมาด้วยความหวาดกลัวว่า

“เอ๊ะ นี่มันเรื่องอะไรกันนี่”

พ่ออยากจะยับยั้งพวกเขาและให้กลับไป เพราะพ่อกลัวว่าเขาจะถูกฆ่าแบบที่พ่อได้เห็นมาแล้ว

ทว่าพ่อถึงกับงงงัน เมื่อสังเกตว่าพ่อเห็นธรรมทูตเหล่านั้น ฝูงชนชาวป่าทั้งสิ้นกลับแสดงความร่าเริงยินดี ต่างลดอาวุธ และทิ้งความโหดร้ายตามธรรมชาติของพวกเขาจนหมดสิ้น พวกเขาต้อนรับธรรมทูตกลุ่มนี้ด้วยน้ำใสใจจริง พ่อตกตะลึงในเหตุการณ์อันไม่คาดฝันนี้ และคิดในใจว่า

“เอ้า, คอยดูต่อไปก็แล้วกันว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อไป”

พ่อได้เห็นพวกธรรมทูตของเราเข้าไปในระหว่างฝูงชนแห่งที่เปลี่ยวและชาวป่าปราศจากความโหดร้ายแล้ว พวกธรรมทูตพูดสั่งสอนพวกเขาอย่างอ่อนหวาน ชาวป่าเถื่อนเหล่านี้รับฟังด้วยเต็มใจและแสดงท่าทางว่าเข้าใจทั้งพยายามทำตามด้วยความกระตือรือร้น พวกเขายอมรับข้อตักเตือน คำแนะนำ และหน้าที่บางอย่างไปปฏิบัติโดยมิได้โต้แย้งเลย

พ่อได้เฝ้าดูเหตุการณ์ตลอดมาและไม่ช้าพ่อก็สังเกตเห็นพวกธรรมทูตเหล่านี้เดินสวดลูกประคำ โดยมีชาวป่ายืนอยู่ทั้งสองข้างและตอบรับบทภาวนานั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลังจากนั้นพวกธรรมทูตซาเลเซียนก็ได้คุกเข่าลงกลางฝูงชนซึ่งตีวงล้อมรอบเฝ้าดูด้วยความพิศวงใจ พวกชาวป่าต่างว่างอาวุธ และคุกเข่าตามด้วย และด้วยก็ได้ยินดีเสียงของธรรมทูตซาเลเซียนคนหนึ่งก่อขับบทเพลง

“จงสรรเสริญพระมารดา” ซึ่งฝูงชนทั้งหมดต่างร้องรับด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหว จนกระทั่งพ่อต้องตกใจตื่น

ความฝันนี้พ่อได้ฝันเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้ว เป็นที่ประทับใจพ่อมาก และพ่อคิดว่าเป็นคำเตือนจากสวรรค์แต่อย่างไรก็ตามพ่อก็ยังไม่เข้าใจความหมายอันแท้จริง กระนั้นก็ดีจากความฝันนี้ทำให้พ่อเริ่มและปรารถนาที่จะส่งสมาชิกไปเป็นธรรมทูต

(จากประวัตินักบุญยวงบอสโก เล่ม 10 หน้า 54)

db_lakorn
db_spot_info
db_mv1
db_music

db_nimit1

db_nimit2