ต้อนรับพระธาตุคุณพ่อบอสโก

     นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นดินแดนแห่งผ้าตราสังข์ที่เชื่อกันว่าเป็นผ้าพันพระศพของพระเยซูเจ้าแล้ว ยังเป็นถิ่นกำเนิดของนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือ “นักบุญยอห์น บอสโก” หรือ “คุณพ่อบอสโก” (Don Bosco) ผู้ตั้งคณะซาเลเซียน ซึ่งฉลองครบรอบ 150 ปีแห่งการก่อตั้งในปีนี้ จะพบเห็นป้ายผ้าที่มีรูปคุณพ่อบอสโกกับบรรดาเด็กๆ

บนตัวเลข 150 สัญลักษณ์ของการฉลองอยู่ทั่วไป

       คุณพ่อบอสโกแม้จะไม่ได้เกิดที่ตูรินแต่ได้เริ่มงานเพื่อเด็กและเยาวชนที่ตูริน ในสมัยของท่านเป็นช่วงเวลาของการปฏิวัติอุตสาหกรรมซึ่งเริ่มที่ประเทศอังกฤษ ส่วนที่ประเทศอิตาลีเริ่มที่ตูริน มีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมาย มีเด็กและเยาวชนเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ตูรินจึงเป็นสนามงานที่ท่านทุ่มเทอุทิศชีวิตตามความฝันในวัยเด็กจนถึงวันที่ท่านสิ้นใจ เรียกได้ว่าตูรินคือถิ่นกำเนิดและศูนย์กลางของคณะซาเลเซียนคงไม่ผิดนัก

       ดังนั้น หากใครต้องการมาแสวงบุญหรือขอพรนักบุญยอห์น บอสโกต้องมาที่ตูริน อีกทั้งบ้านเกิดของท่านคือ กัสเตลนูโอโวแห่งอัสตี (Castelnuovo d’Asti) ก็อยู่ไม่ไกลจากตูรินเท่าใดนัก (ห่างจากตูรินไปทางตะวันออกเพียง 22 กิโลเมตรเท่านั้น) การได้มีโอกาสไปเยือนถิ่นกำเนิดที่ท่านเคยเจริญวัยและได้รับการอบรมบ่มเพาะคุณธรรมและความเชื่อ รวมถึงเยี่ยมชมศูนย์กลางคณะซาเลเซียนและสักการสถานแม่พระองค์อุปถัมภ์ (Santuario di Maria Ausiliatrice) ที่วัลด๊อกโก (Valdocco) ทางตอนเหนือของตูริน จึงถือเป็นอะไรที่พิเศษเหนือความคาดหมาย

 

องค์อุปถัมภ์ของนักมายากล

       คุณพ่อบอสโก เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1815 ( พ.ศ. 2358) ที่ฟาร์มในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อกัสเตลนูโอโวซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง เบ็กกี ( Becchi ) จังหวัดอัสตี (Asti ) แคว้นปิเอมอนเต ( Piemonte) ทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวได้กลายเป็นที่ตั้งสักการสถานนักบุญยอห์น บอสโก ที่ผู้คนมากมายพากันไปแสวงบุญ และหมู่บ้านแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กัสเตลนูโอโว ดอน บอสโก” (Castelnuovo Don Bosco) เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่าน

      คุณพ่อบอสโกเกิดในครอบครัวที่ยากจน แต่เป็นครอบครัวที่ซื่อสัตย์สุจริตมีศีลธรรม มีความเชื่อศรัทธาและเคร่งครัดในศาสนา เมื่ออายุได้สองขวบ ฟรันเชสโก ( Francesco) ผู้บิดาได้จากไป ทิ้งให้ท่านกับพี่ชายอีกสองคนเป็นกำพร้า ต้องอยู่ในความดูแลของมารดาเพียงลำพัง แต่คุณแม่มาร์เกรีตา (Mamma Margherita) มารดาของท่านได้ดูแลเอาใจใส่อบรมสั่งสอน ฝึกฝนให้เป็นเด็กที่เข้มแข็งอดทน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักความจริงและยึดมั่นในความยุติธรรม อีกทั้งสอนให้มีใจเมตตาต่อคนยากจน

       แม้จะเกิดในครอบครัวที่ยากจนแต่คุณพ่อบอสโกกลับร่ำรวยด้วยพรสวรรค์ มีความสามารถพิเศษในการเล่นกลและกายกรรมเพื่อการประกาศพระวรสาร เมื่อแสดงจบจะถือโอกาสสอนผู้ชมรุ่นราวคราวเดียวกันตามบทเทศน์ที่ได้ยินมาใน มิสซาตอนเช้าและนำสวดภาวนาร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) บรรดานักมายากลทั่วโลกโดยการนำของคุณพ่อซิลวีโอ มันเตลลี (Silvio Mantelli, SDB) ได้เสนอให้สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ได้ประกาศให้คุณพ่อบอสโกเป็นองค์อุปถัมภ์ของนักมายากล

 

บิดาและอาจารย์ของเยาวชน

       คุณพ่อบอสโกเป็นคนที่กระฉับกระเฉงและตรงไปตรงมา ตั้งแต่เป็นเด็กได้ก่อตั้งกลุ่ม “กองหน้าร่าเริง” เพื่อต่อสู้กับบาป พออายุได้ 9 ขวบได้ฝันเห็นพันธกิจที่จะต้องทำในอานาคต ทำให้มีความตั้งใจที่จะเป็นพระสงฆ์เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่เป็นกำพร้า ถูกทอดทิ้ง และขาดโอกาสทางการศึกษา กระทั่งอายุ 20 ปี ได้เข้าบ้านเณรตามความตั้งใจ แม้จะพบกับปัญหาหลายอย่างเนื่องจากครอบครัวขัดสน แต่ท่านได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในการศึกษาเล่าเรียนที่บ้านเณรจนได้บวชเป็นพระสงฆ์ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1841 ( พ.ศ. 2384) ที่ตูริน

       หลังจากบวชเป็นพระสงฆ์คุณพ่อบอสโกได้เริ่มภารกิจตามที่ได้ตั้งใจไว้ ด้วยการรวบรวมเด็กที่ยากจนให้เข้ามาอยู่รวมกันอบรมสั่งสอนพวกเขาด้านศีลธรรมควบคู่ไปกับวิชาความรู้ สอนให้รู้จักเจริญชีวิตเยี่ยงคริสตชนที่ดี มีความศรัทธาต่อแม่พระโดยมุ่งสกัดกั้นและป้องกันพวกเขาจากความชั่วอาศัยความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่าเริงยินดี นอกนั้นยังได้ให้พวกเขาฝึกงานต่างๆ

ตามความถนัดและบุคลิกภาพของแต่ละคน เมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้นและเรียนรู้งานดีแล้วยังเป็นธุระจัดหางานให้ทำอีกด้วย

       คุณพ่อบอสโกได้สร้างโรงเรียนฝึกหัดอาชีพและโรงงานสำหรับช่วยเหลือเด็กนักเรียน เพื่อให้มีอาชีพ มีงานทำและได้พยายามหาผู้ร่วมงานที่ดีจากบรรดาเยาวชนเหล่านี้ กิจการของท่านเติบโตและขยายตัวจากตูรินไปยังเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว ท่านมีความรู้สึกว่างานทั้งหมดของท่านเป็นหนี้ต่อ “พระนางมารีอาที่พึ่งของคริสตชน” จากการที่ท่านได้ทุ่มเทเสียสละและอุทิศตนทำงานเพื่อบรรดาเด็กและเยาวชนดังกล่าว จึงได้รับสมญานามว่า “บิดาและอาจารย์ของเยาวชน”

 

ผู้ตั้งคณะซาเลเซียน

       พันธกิจอันยิ่งใหญ่ในการอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชน จำเป็นต้องมีความมั่นคงและได้รับการสานต่อ ดังนั้นคุณพ่อบอสโกได้ขออนุมัติจากสันตะสำนักเพื่อจัดตั้งคณะนักบวชขึ้น โดยได้มอบไว้ในความคุ้มครองของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาล

ผู้ใจดีมีเมตตา สุภาพอ่อนโยน และยิ้มแย้มแจ่มใส อันเป็นที่มาของชื่อ “ ซาเลเซียน” และจิตตารมณ์ของคณะอีกทั้งยังได้ตั้งคณะนักบวชหญิง “ธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์” ร่วมกับนักบุญมารีอา โดเมนีกา มัสซาเรลโล เพื่อช่วยงานและสานต่อพันธกิจของท่าน

       กิจการและงานของคณะซาเลเซียนขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่คุณพ่อบอสโกมักจะพูดเสมอว่า “ท่านไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นแม่พระที่ทำทุกอย่าง” ที่ทำให้ความฝันของท่านเวลาเป็นเด็กกลายเป็นความจริง ก่อนจะสิ้นใจเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1888 (พ.ศ. 2431) ท่านได้บอกสมาชิกที่รายล้อมด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ขอให้รักกันเหมือนพี่น้อง ทำดีกับทุกคน ไม่ทำชั่วต่อใคร” นี่คือชีวิตและวาระสุดท้ายของบิดาและอาจารย์แห่งเยาวชน ซึ่งเป็นเหมือนกับของขวัญอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับพระศาสนจักรและโลก

       คุณพ่อบอสโกได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11

ในวันอาทิตย์สมโภชปัสกา วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1934 ( พ.ศ. 2477) โดยมีวันฉลองตรงกับวันที่ 31 มกราคมของทุกปี คณะซาเลเซียนที่ท่านก่อตั้งเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบัน มีสมาชิก 16,568 คน, มีบ้าน 2,711 หลัง , มีโรงเรียนประเภทต่างๆ หลายพันโรงกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ กว่า 128 ประเทศทั่วโลก ( ข้อมูล 31 ธันวาคม 2005) นับเป็นคณะนักบวชชายที่ใหญ่ที่สุดในพระศาสนจักร สมาชิกที่มีตำแหน่งสำคัญในพระศาสนจักรเวลานี้คือ พระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน

(Card. Tarcisio Bertone) เลขาธิการรัฐวาติกัน

       อนึ่ง คณะซาเลเซียนได้เข้ามาในประเทศไทยในปี ค.ศ. 1904 ( พ.ศ. 2447) โดยเริ่มงานที่บางนกแขวก จังหวัดสมุทรสาครและมีส่วนสำคัญในการอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะด้านการศึกษาการอบรมผู้เตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการช่วยพระศาสนจักรไทยในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการเบียดเบียนศาสนาและมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสถูกขับออกนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ดังนั้นโอกาสฉลอง 125 ปีแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรมในปีนี้ ควรที่อนุชนรุ่นหลังจะรำลึกพระคุณของคณะซาเลเซียน

db_lakorn
db_spot_info
db_mv1
db_music

db_nimit1

db_nimit2