1

หนังสือนิมิตสวรรค์ เล่ม 1 ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ คณะซิสเตอร์  ซาเลเซียนได้แปลจากต้นฉบับภาษาอิตาเลียน โดยคัดเอาเฉพาะความฝันบางเรื่องของคุณพ่อบอสโก ด้วยใจรักวิญญาณ เป็นต้นวิญญาณของเยาวชนอย่างแท้จริง หวังว่าการอ่าน คิด ตริตรอง เนื้อหาสาระของแต่ละเรื่อง จะช่วยปลุกเร้าความเชื่อ ความหวัง ความรักให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพื่อครองตนเป็นคริสตชนที่เพียบพร้อมตลอดไป

อารัมบท

1. “ความใจดีของพระบิดาเจ้าแสดงให้เราเห็นในพระธรรมเก่า พระธรรมใหม่และตลอดชีวิตของบรรดานักบุญเป็นอันมาก บางทีโดยทางความฝัน การให้ความบรรเทาใจ คำแนะนำ การออกคำสั่ง พระคุณแห่งพระจิตในการทำนาย เสียงร้องห้าม เสียงแห่งความไว้ใจ การให้รางวัลไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือส่วนรวมทั้งประเทศชาติ”

“โดยทางความฝัน” สำหรับคุณพ่อบอสโกก็เป็นส่วนหนึ่งในพระคุณที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ชีวิตของท่านมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยความฝันอย่างน่าพิศวงซึ่งจะไม่ยอมรับรู้ก็ไม่ได้ สำหรับพรสวรรค์ของท่านนี้ บางคนอาจคิดว่าท่านเป็นคนไม่ซื่อตรง เป็นคนล้มเหลว อวดตัว โกหก แต่ใคร ๆ ก็เลียนแบบการดำเนินชีวิตอยู่เคียงข้างท่านมาเป็นเวลานาน จะทราบได้ทันทีว่าไม่มีสัญลักษณ์อันใดแม้เล็กน้อยที่สุด ซึ่งยังไม่บังเกิดผลสำหรับวิญญาณที่ท่านเอาใจใส่ ท่านทำให้เราเชื่อถึงพระคุณอันเลิศล้ำเหนือธรรมชาตินี้จริง ๆ

คุณพ่อบอสโกเป็นคนสุภาพ ถ่อมตน ไม่ชอบการโกหก เรื่องราวต่าง ๆ ที่ท่านเล่านั้น มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวคือเพื่อสิริมงคลของ     พระเจ้าและความดีของวิญญาณเท่านั้น ท่านเป็นคนซื่อ ๆ เป็นที่ประทับใจแก่บุคคลอื่น ๆ จะไม่เคยได้ยินคำพูดแปลกประหลาดซึ่งมาจากความคิดฟุ้งซ่านหรือคำพูดเพ้อเจอในสิ่งที่เกี่ยวกับความเชื่อจากปากท่านเลย (MB.1,244)

ถ้าเราปล่อยให้ความฝันต่าง ๆ ของคุณพ่อบอสโกผ่านไปเฉย ๆ ก็คงจะเปรียบได้กับการเขียนชีวประวัติของพระเจ้านโปเลียน ที่ 1 โดยไม่ได้เล่าถึงการได้รับชัยชนะครั้งสำคัญ ๆ ของพระองค์ ฉะนั้นนามชื่อ ”คุณพ่อบอสโก” และคำว่า “ความฝัน” จึงมีความสำคัญคู่กันไปเสมอ

ที่จริงก็เป็นสิ่งน่าพิศวงที่มีการพูดถึงท่านและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดมากว่า 70 ปี ทั้ง ๆ ที่ท่านเพียงแต่ใช้ความคิด ทำงาน นอนหลับพักผ่อนไปวัน หนึ่ง ๆ แต่ก็ยังเกิดความคิดใหม่ ๆ เข้ามาในสมองของท่านซึ่งทำให้ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งรุ่งเช้า จากความคิดคำนึงที่เกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นชีวิตจริงที่ไม่มีบุคคลใดสามารถจะดำเนินตามความคิดนี้ได้ แต่คุณพ่อบอสโกกลับตรงข้ามได้พยายามทำทุกอย่างด้วยอาการสงบราบคาบและสำเร็จไปด้วยดี  (MB: 1,254)

2. ความฝันหรือภาพนิมิต คืออะไร?

            “ความฝันของคุณพ่อบอสโก” อาจอธิบายได้ดังนี้

- เป็นความฝันที่ไม่ใช่ฝันธรรมดา ๆ

- แต่ก็เป็นความฝันและเป็นการฝันแห่งการเผยแสดง บางครั้งความฝันนั้นต้องเรียกว่าเป็นภาพนิมิตมากกว่าเพราะว่าเป็นความฝันที่เกิดขึ้นมิใช่เฉพาะเวลานอนหลับ ตัวอย่างเช่น การเผยแสดงแห่งการทำนายขณะที่เยาวชนคนหนึ่งชื่อกาลิเลโอกำลังจะตาย (MB: 5,105-107) และอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในปี 1870 เกี่ยวกับความเป็นไปของประเทศอิตาลีและประเทศฝรั่งเศส ระหว่างกรุงโรมและกรุงปารีส (MB: 10,59) รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับการปรากฏมาของหลุยจี คอลเล ซึ่งคุณพ่อบอสโกได้เห็นภาพนิมิตนี้ เป็นต้น

เรื่องราวความฝันของคุณพ่อบอสโกจำนวนมากมายนั้น มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเผยแสดงทั้งสิ้น ซึ่งลำพังแต่สติปัญญาของมนุษย์มิอาจจะทำได้ ในความฝันเหล่านั้นคุณพ่อได้เห็นถึงเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน อนาคตและยิ่งไปกว่านั้น การเผยแสดงนี้มักจะเป็นไปในรูปแบบของสัญลักษณ์และนาน ๆ ครั้ง ท่านก็ได้เห็นภาพนิมิตโดยตรงเลยก็มี เช่น ท่านได้เห็นสถานที่ที่ท่านยังไม่เคยรู้จักมาก่อน (MB: 17,8)

คุณพ่อแบร์โตเล่าว่าในเย็นวันหนึ่งตรงกับวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1873 ขณะที่ท่านกำลังเดินเคียงข้างกับคุณพ่อบอสโกเพื่อไปพักผ่อน เมื่อถึงห้องนอนแล้วท่านก็ได้ขอร้องให้คุณพ่อบอสโกบอกถึงเคล็ดลับว่า ทำไมคุณพ่อจึงทราบความในใจของพวกเด็ก ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องบาปต่าง ๆ ของเขา คุณพ่อตอบอย่างใจดีว่า “พ่อได้เห็นเด็ก ๆ ไปแก้บาปเกือบทุกคืนและพวกเขาได้มาขอแก้บาปมูลด้วย ฉะนั้นพอถึงตอนเช้าที่พวกเด็กมาแก้บาปพ่อก็เกือบจะบอกได้ว่าพวกเขาได้มีความกังวลอะไรอยู่ในมโนธรรมของเขาบ้าง (MB:10,71)

ในปี 1876 คุณพ่อเวสปียานีซึ่งยังใหม่สำหรับสถานเยาวชน ได้ถาม   คุณพ่อบอสโกว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับความฝันของท่าน คุณพ่อบอสโกตอบว่า ในสภาพเช่นนี้ถ้าขาดอุปกรณ์ บุคลากร ขาดความสว่างและความช่วยเหลืออย่างพิเศษจากพระมารดาองค์อุปถัมภ์แล้ว กิจการของศูนย์เยาวชนก็คงอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ ความสว่างและความช่วยเหลือพิเศษนี้ก็คือความฝันของท่านนั่นเอง (MB: 11,256)  

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ทรงมีพระปรีชาญาณสุขุมมากทีละเล็กทีละน้อยพระองค์ก็ทรงรู้จักคุณพ่อบอสโกดีขึ้นและยกย่องให้เกียรติแก่คุณพ่อ บอสโกเสมอ วันหนึ่งองค์สมเด็จพระสันตะปาปาพร้อมด้วยบรรดาพระสังฆราชได้พูดกันถึงเรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อบอสโก พระองค์ได้ถามว่าพวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคุณพ่อ     บอสโกแต่ละคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ในที่สุดพระสันตะปาปาจึงถามขึ้นว่า มีใครที่สามารถทำงานจำนวนมากมายด้วยลำพังกำลังของตนเช่นคุณพ่อบอสโกได้บ้าง ไม่ คงไม่สามารถแน่ ๆ ต้องอาศัยอะไรบางอย่างที่มาจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติซึ่งไม่ใช่อะไรอื่น อาจเป็นพระจิตเจ้าหรือไม่ก็ผีปีศาจแต่ว่าสิ่งที่เป็นความจริงที่เราจะตัดสินได้ก็คือ ต้นไม้ดีก็ย่อมเกิดผลดี (MB: 17,6)

วันหนึ่งคุณพ่อบอสโกได้กล่าวถึงความฝันของท่านว่า “จะเรียกว่าเป็นความฝันหรือคำเปรียบเทียบอย่างไรก็ได้แต่ฉันแน่ใจว่าเรื่องที่ได้เล่าให้ฟังนั้นจะเกิดผลดีแก่วิญญาณเสมอ (MB:1,256) สมเด็จ พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 9 ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการถึงอัศจรรย์ 2 อย่างในวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ.1929 เพื่อประกาศแต่งตั้งนักบุญยอห์น บอสโก เป็นบุญราศีว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นเหนือธรรมชาติกลับกลายเป็นของธรรมดาสิ่งที่ผิดธรรมดานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นประกายของดวงดาวอันสุกใสซึ่งส่องแสงเจิดจ้าในท้องฟ้าทำให้ดูน่าพิศวงใจ นับว่าเป็นอัศจรรย์แท้เป็นอัศจรรย์แห่งกิจการงานทั้งสิ้น” (MB: 19,101)

3. สภาพของคุณพ่อบอสโกขณะที่ฝัน

เราสามารถเข้าใจสภาพของท่านจากคำพูดของท่านเอง เช่น ความฝันซึ่งทำนายถึงความตายด้วยโรคระบาด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1867 – 1869 คุณพ่อบอสโกได้กล่าวว่า “เป็นความฝันที่ท่านรู้ตัวว่าตนกำลังทำอะไร”

4. สัญลักษณ์ที่แสดงว่าความฝันของคุณพ่อบอสโกเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ

ตามธรรมดาความฝันทั่ว ๆ ไปมักเป็นความฝันอันเนื่องมาจากความเหนื่อยและนอกเหนือเหตุผลแต่ความฝันของคุณพ่อบอสโกเป็นการไขแสดงอย่างชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่ซ่อนเร้นที่กล่าวถึงอนาคตการทำนายของท่าน บางครั้งก็เป็นการทำนายถึงสิ่งที่จะเป็นไปหลังความตายของผู้อื่นล่วงหน้า แต่ท่านไม่เคยบอกชื่อเพียงแต่กำหนดวันเท่านั้น บางครั้งก็บอกอย่างเปิดเผยเฉพาะอักษรตัวแรก บางครั้งก็บอกชื่อส่วนตัวแต่ถือเป็นความลับ เมื่อทุกสิ่งเป็นไปตามที่คุณพ่อบอสโกบอก ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจและเชื่อในคำพูดของท่าน ทำให้คนที่ไม่เชื่อต้องเงียบไปและอาศัยความไม่เชื่อของเขานั้นเป็นการยืนยันให้เห็นว่าเป็นความจริงยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับการทำนายต่าง ๆ ที่ได้จากความฝันนั้น คุณพ่อ       บอสโกกล่าวว่า “สิ่งที่พ่อได้ทำหรือได้พูดในระหว่างพวกเราถ้าคนภายนอกมาทราบเรื่องเหล่านนี้เข้าก็คงจะพูดว่าเป็นนิยาย แต่พ่อถือว่าถ้าเป็นประโยชน์แก่วิญญาณก็ต้องมาจากพระแน่จะมาจากปีศาจไม่ได้”

5. คุณพ่อบอสโกคิดอะไรเกี่ยวกับความฝันของตน

ระยะแรก ๆ คุณพ่อบอสโกไม่ค่อยจะเชื่อเช่นกันคิดว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการ ฉะนั้นเวลาท่านเล่าเรื่องเกี่ยวกับอนาคต ท่านกลัวว่าจะผิดและไม่ถือเอาเป็นเรื่องจริงจัง แต่ท่านรู้จักแยกแยะความแตกต่างของความฝัน บางเรื่องท่านก็ลืมไปแต่ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วท่านจะไม่ลืมเลย

เวลาคุณพ่อเล่าเรื่องความฝันเหล่านี้ท่านมักเล่าอย่างแน่ใจ ท่านเคยพูดกับคุณพ่อกาฟัสโซหลายครั้ง ครั้งหนึ่งท่านเคยสารภาพถึงความฝันเหล่านี้ คุณพ่อกาฟัสโซตอบว่า “ถ้าความฝันตรงกับความจริงที่ได้เกิดขึ้นก็สบายใจเถอะ”

อีกคราวหนึ่งได้มีการรวบรวมความฝันซึ่งติดต่อกันเป็นเวลาถึง 3 คืน แต่คุณพ่อบอสโกก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อความฝันนี้เท่าไรนัก จนกระทั่งภายหลังความฝันที่ท่านได้เล่านั้นได้กลับเป็นความจริง ท่านจึงหมดความสงสัยและถือว่าเป็นพระคุณเหนือธรรมชาติ ซึ่งพระเจ้าประทานให้สำหรับศูนย์เยาวชน ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเป็นข้อผูกมัดที่จะต้องพูดมหาวิบัติแก่ผู้ที่รู้และทำเฉยเสีย (Ceria o.c.)

ในปี 1868 ในความฝัน “มีเด็กเยาวชนกระโดดโลดเต้นราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว” (MB. 9,133) มีบุรุษผู้หนึ่งถามท่านว่า “ทำไมจึงไม่พูดล่ะ ?” คุณพ่อบอสโกจึงตอบว่า “พ่อต้องพูดอะไรกับพวกเด็ก ๆ ละครับ” บุรุษผู้นั้นตอบว่า “ก็สิ่งที่เธอเห็นมานะซิ”

ไม่มีหลักฐานเลยที่จะเชื่อได้ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับความฝันหรือเรื่องอื่น ๆ ที่คุณพ่อบอสโกได้กระทำ จะทำไปโดยขาดความรอบคอบ จากการเสวนาในปี 1876 ระหว่างคุณพ่อบอสโกกับคุณพ่อจูลี่ บาร์เบริส ทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับความฝันของท่าน ท่านกล่าว่า “เมื่อคิดถึงความรับผิดชอบในหน้าที่ของพ่อ ทำให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่น ทุกสิ่งที่ได้เห็นที่ได้เกิดขึ้นกับพ่อนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก พ่อต้องไปให้การต่อพระพักตร์   พระเจ้าถึงพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ เพื่อความดีของศูนย์เยาวชนนี้มากสักเพียงไร” (MB. 12,51) อาจกล่าวได้ว่าคุณพ่อบอสโกได้เห็นทุกสิ่งและทำทุกสิ่งไปได้ก็โดยอาศัยแม่พระที่ได้ทรงคอยจูงท่านไปทุกฝีก้าว (Ceria, 307)

ในปี 1885 เมื่อคุณพ่อฝันถึงงานแพร่ธรรม ท่านได้เขียนจดหมายกำชับคุณพ่อกาลิเอโรว่า “อย่าไปเชื่อความฝันเสียทีเดียว เป็นต้นถ้าไม่ช่วยให้เราก้าวหน้าในด้านศีลธรรมหรือชีวิตนักบวช ถ้าเห็นว่าเป็นการดีก็ควรเชื่อถือได้”

6. คุณพ่อบอสโกเล่าเรื่องของท่านอย่างไร ?

คุณพ่อเล่าเรื่องอย่างซื่อ ๆ หนักแน่นและพยายามหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ทำให้เห็นว่าสิ่งที่คุณพ่อได้ทำนั้น มาจากผลบุญของพ่อเองเพื่อลดสิ่งที่เหนือธรรมชาตินั้นลง ท่านก็มักจะเปลี่ยนชื่อผู้ที่นำความฝันนั้นว่าเป็นผู้นำบ้าง ผู้แปลบ้าง คนแปลกหน้าบ้างและในทางตรงข้ามท่านก็มักจะเล่าเรื่องความต่ำต้อยน่าอับอายที่ท่านได้รับให้ปรากฏเด่นขึ้น

7. ผลของความฝันของคุณพ่อบอสโก

ผลที่ได้จากการเล่าความฝันที่จะขาดไม่ได้ก็คือ ความเกลียดชังบาปมากกว่าการเข้าเงียบประจำปี ทุกคนไปแก้บาปรับศีลอย่างดีด้วยใจศรัทธา

8. การเล่าความฝันแต่ละเรื่องนั้นทำให้ทุกคนในศูนย์เยาวชนตื่นเต้นกระหายอยากฟังความฝันนั้น เฉพาะอย่างยิ่งทุกคนอยากทราบว่าตนอยู่ในสภาพเช่นไร มีวิธีใดที่จะทำให้ตนเอาตัวรอดได้ ทุกคนฟังอย่างเงียบกริบไม่กระดุกกระดิกและเขาจะประทับใจในคำพูดนั้น ๆ เป็นอาทิตย์เป็นเดือน ซึ่งทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงความประพฤติและการสนทนาไปในทางที่ดีขึ้น