03 October 2010
ในวันที่ 6 สิงหาคม 1876 ได้มีพิธีเปิดทางรถไฟสายใหม่ซึ่งเชื่อมกรุงตุรินกับชีรีเอและลันโซ นายอำเภอของตุรินได้ขอใช้สถานที่ของโรงเรียนซึ่งคุณพ่อบอสโกมีอยู่ ณ ลันโซ สำหรับเลี้ยงน้ำชาบรรดาผู้มีเกียรติที่มาในพิธีนี้ ซึ่งมี ฯพณฯ รัฐมนตรีถึง 3 ท่าน คือ ฯพณฯ เดเปรติส ฯพณฯนิโกเตรา และฯพณฯซานาร์เดลลี พร้อมกับแขกเหรื่ออื่นมากมาย รวมทั้งคุณพ่อบอสโกด้วย
หลังจากการเลี้ยงน้ำชาแล้ว ทุกคนก็ออกมานั่งที่สนามหญ้าคุยกันในฐานะเพื่อนถึงเรื่องของคุณพ่อบอสโกซึ่งได้เคยเดินทางไปๆ มาๆ ที่กรุงโรม และกรุงวาติกันบ่อยๆ ในที่สุดมาถึงตอนหนึ่งท่านราชทูตผู้หนึ่ง ชื่อ แอร์โกเล ได้กล่าวขึ้นว่า
"เนื่องจากคุณพ่อบอสโกสามารถอ่านในใจคนได้ ฉะนั้นขอบอกมาหน่อยซิว่า ฯพณฯ นิโกเตรา กับ ฯพณฯ ซานาร์เดลลี ใครเป็นคนบาปหยาบช้ามากกว่ากัน"
ทุกคนหัวเราะอย่างครื้นเครงในคำถามกระเซ้านี้ และคุณพ่อบอสโกได้ตอบว่า
"ว่ากันตามจริงแล้ว เพื่อสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้ ก็จำเป็นต้องให้ พณฯ ทั้งสองมาทำการเข้าเงียบและแก้บาปมูลให้เรียบร้อยเสียก่อนซิครับ ผมจึงจะสามารถตัดสินภายในใจได้"
เนื่องจาก ฯพณฯ แอร์โกเล ยังกระเซ้ากระซี้คุณพ่อบอสโกให้ตอบให้ได้ ฯพณฯ นิโกเตรา จึงขัดขึ้นบ้างว่า "เออแทนที่จะเอาผมไปเปรียบให้คุณพ่ออ่านใจนั่นน่ะ ควรนักหนาที่ ฯพณฯ จะต้องถามคุณพ่อบอสโกให้บอกซิว่า ฯพณฯ น่ะเป็นคนบาปกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดหรือเปล่า ก็จะดีกว่านา"
ฯพณฯ แอร์โกเลตอบว่า
"ก็ผมยังไม่อยากกลับใจนี่นา ยังมีเวลาถมไป"
ฯพณฯ นิโกเตราได้ท่า จึงตอกเอาว่า
"นั่นน่ะซี ฯพณฯ ลืมไปแล้วหรือว่า ในพระคัมภีร์มีจารึกไว้ว่าความต้องการของคนบาปจะเหือดหายไป"
เมื่อได้ฟังความอันคมรายนี้ ทุกคนก็พากันตบมือเกรียวกราวและสนับสนุนว่า
"แจ๋วไปเลย อย่างงั้นซิน่า"
ฯพณฯ แอร์โกเล ชักเสียท่า จึงหันไปทางคุณพ่อบอสโกแล้วถามว่า
"คุณพ่อคิดว่าพวกเราทุกคนมีหวังเอาวิญญาณรอดไหมครับ"
"ผมคิดว่าคงเป็นเช่นนั้น เพราะพระเมตตาของพระเป็นเจ้าช่างใหญ่ยิ่งเหลือเกิน"
"แต่พวกเรายังไม่อยากกลับใจเดี๋ยวนี้นะครับ"
"อย่างงั้นก็หมายความว่า พวก ฯพณฯ ทั้งหลายอยากดำเนินชีวิตต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับการดลใจพิเศษของพระจิตเจ้า แล้วจึง...."
"น่านแหละครับ ถูกเผงทีเดียว"
"อย่างนั้น ผมก็จำเป็นต้องบอกเหมือนกับที่ ฯพณฯ นิโกเตราได้บอกเมื่อตะกี้นี้ว่า ความต้องการของคนบาปจะเหือดหายไปนั่นแหละครับ"
ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และก่อนลาคุณพ่อบอสโกไป ยังได้บอกด้วยใจจริงว่า พวกเขาได้รับความชื่นบานในการอยู่ร่วมวงสนทนากับท่านเหลือเกิน
ส่วนคุณพ่อบอสโกได้หัวเราะเหมือนกัน เพราะท่านได้สามารถแทรกคำเทศน์เล็กๆน้อยๆ ในวงสนทนาเพื่อกระตุ้นเตือนใจคนสำคัญๆ เหล่านั้น ซึ่งบางทีพวกเขาไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยก็เป็นได้