09 October 2010
ในปี 1881 คณะของเราได้รับการตักเตือนอย่างพิเศษอาศัยการฝันเห็นของนักบุญยวงบอสโก เมื่ออยู่ที่บ้านนักบุญ เบนีญอ
ขอพระหรรษทานของพระจิต จงสว่างในดวงใจของเรา อาแมน เพื่อให้เป็นที่เตือนใจแก่สมาชิกคณะซาเลเซียน
ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1881 เป็นวันที่พระศาสนจักรถวายเกียรติแด่พระนางมารีอา บรรดาซาเลเซียนมาประชุมกันที่บ้านนักบุญเบนีญอ เพื่อทำการเข้าเงียบ
คืนวันที่ 10 ถึงวันที่ 11 ขณะกำลังนอนอยู่พ่อฝันว่าตนเองไปอยู่ในศาลาใหญ่ ซึ่งประดับประดาอย่างงดงามมาก พ่อกำลังเดินไปมาพร้อมกับอธิการซาเลเซียนบ้านต่าง ๆ ทันใดนั้นมีบุรุษรูปร่างสง่างามผู้หนึ่งประจักษ์มา เราไม่อาจเพ่งตาดูท่าน ท่านเดินห่างจากเราประมาณหนึ่งว่า มองเราโดยมิได้พูดอะไร ท่านมีเครื่องประดับต่อไปนี้คือ
เสื้อคลุมตัวหนึ่งปิดร่างกายของท่านทั้งหมด ที่คอเสื้อมีโบว์ผูกอยู่ข้างหนึ่งและมีผ้าห้อยลงมาผืนหนึ่งถึงหน้าอกที่ผ้าผืนนี้มีคำเขียนอย่างรุ่งเรืองว่า คณะควรจะเป็นอย่างไร มีเพชรเม็ดใหญ่ 10 เม็ด สว่างสุกใสมากจนเรามองดูบุรุษผู้นั้นไม่ได้ ถ้าต้องการก็ต้องเพ่งสายตา เพชร 3 เม็ดติดที่หน้าอก เหนือเพชรเม็ดที่ 1 มีคำว่า “ความเชื่อ” เหนือเพชรเม็ดที่ 2 มีคำว่า “ความไว้ใจ” เหนือเม็ดที่ 3 มีคำว่า “ความรัก” เม็ดนี้อยู่ตรงกลางหน้าอกพอดี
เพชรเม็กที่ 4 อยู่บนบ่าขวา มีคำเขียนอยู่ว่า “การงาน”
เพชรเม็กที่ 5 อยู่บนบ่าซ้าย มีคำเขียนว่า “ความรู้ประมาณ”
เพชรอีกห้าเม็ดนั้นก็ประดับเสื้อคลุมข้างหลังและติดไว้ดังต่อไปนี้
เม็ดใหญ่และสุกใสกว่าเพื่อนอยู่ตรงกลางในลักษณะรูปสี่เหลี่ยมและมีคำเขียนไว้ว่า “ความนบนอบ”
เหนือเพชรเม็ดที่อยู่ข้างบนขวามีคำว่า “ความยากจน”
เหนือเพชรเม็ดที่อยู่ข้างขวาทางใต้มีคำว่า “คือบำเหน็จรางวัล”
เหนือเพชรเม็ดที่อยู่ทางบนข้างซ้ายมีคำว่า “ความบริสุทธิ์” แสงรัศมีที่ฉายออกมาจากเพชรเม็ดนี้รุ่งเรืองมาก ยิ่งเพ่งตาดูยิ่งอยากมองเหมือนมีฤทธิ์ดึงดูดใจ
เหนือเพชรที่อยู่ทางซ้ายข้างใต้มีคำเขียนไว้ว่า “การจำศีล” แสงสว่างที่ออกจากเพชร 4 เม็ดนี้ฉายแสงสะท้อนไปยังเพชรที่อยู่ตรงกลาง
อธิบาย เพชรเหล่านี้มีแสงสว่างพุ่งออกมาเหมือนแสงสว่างนั้นก็คำสั่งสอนอันดีจารึกอยู่
ที่เพชรแห่งความเชื่อ มีคำว่า จงฉายโล่ห์แห่งความเชื่อเพื่อสามารถต่อสู้เล่ห์กลของปีศาจ อีกแสงหนึ่งมีคำว่า ความเชื่อหากปราศจากกิจการก็เปล่าประโยชน์ ไม่ใช่ผู้ที่ฟังพระบัญญัติจะได้เมืองสวรรค์แต่ผู้ซึ่งประพฤติตามพระบัญญัตินั้นแหละจะได้เมืองสวรรค์
ที่แสงแห่งความไว้ใจ จงตั้งความไว้ใจของท่านในพระเป็นเจ้ามิใช่ในมนุษย์จิตใจของท่านจงตั้งมั่นคงในที่ซางมีความยินดีอันแท้จริง
ที่แสงแห่งความรัก ต่างคนจงทนความบกพร่องซึ่งกันและกันเกิด หากอยากให้สำเร็จตามคำสั่งของเรา ท่านจงรักเขาและเขาจะกลับรักท่านแต่เป็นต้นจงรักวิญญาณตนและของผู้อื่น จงสวดภาวนาด้วยใจศรัทธา จงถวายบูชามิสซาโดยตั้งใจ จงไปเยี่ยมพระมหาเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทด้วยความรักร้อนรน
ที่แสงแห่งการงาน ยาแก้ความไม่ดีต่าง ๆ เป็นอาวุธวิเศษยิ่งสำหรับแก้อุบายของปีศาจ
ที่แสงแห่งความรู้ประมาณ จงกระทำสัญญา
ที่แสงแห่งความรู้ประมาณ จงกระทำสัญญากับดวงตาของท่าน กับความรู้สึกและการพักผ่อน เพื่ออย่าให้ศัตรูเหล่านี้ทำลายวิญญาณของท่านเสียการไม่รู้จักบังคับตนจะอยู่กับความบริสุทธิ์ไม่ได้
ที่แสงแห่งความนบนอบ เป็นรากฐานสำคัญกว่าหมดในบ้านนักบวชและเป็นอุปกรณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์
ที่แสงแห่งความยากจน เขียนว่าเมืองสวรรค์เป็นของเราทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกเปรียบเสมือนหนาม ความยากจนแท้จริงมิใช่อยู่ในคำพูดแต่อยู่ในใจ และต้องแสดงออกมาทางกิจการ ความยากจนนั้นแหละจะเปิดประตูสวรรค์แก่เรา
ที่แสงแห่งบำเหน็จ ถ้าเราชอบบำเหน็จอันยิ่งใหญ่ ก็อย่าให้เราท้อถอยต่อความยากลำบากผู้ที่อดทนกับเรา ผู้นั้นก็จะเสวยสุขกับเราด้วย ความลำบากที่เราทนบนแผ่นดินนี้ก็เป็นแต่สิ่งชั่วคราว ส่วนความบรมสุขซึ่งสหายของเราจะร่วมส่วนนั้นจะไม่รู้จักสิ้นสุดเลย
ที่แสงแห่งการจำศีล นี่คืออาวุธอันทรงฤทธิ์สำหรับต่อสู้กลอุบายปีศาจเป็นเครื่องป้องกันรักษาฤทธิ์กุศลทั้งปวง ปีศาขทุกชนิดจะหนีในเมื่อเราจำศีล
โบว์ที่ติดชายเสื้อนั้นมีเขียนไว้ว่า
นี่เป็นข้อที่สั่งสอนทั้งเช้า เที่ยง เย็น จงปฏิบัติฤทธิ์กุศลเล็ก ๆ น้อย ๆ และท่านจะได้กลับเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรมแก่ผู้ที่ดูหมิ่นสิ่งเล็กน้อยมิช้าเขาก็ต้องล้ม
จนกระทั่งเวลานี้อธิการทุกคน บ้างก็ยืน บ้างก็คุกเข่า ทุกคนตกใจไม่มีใครพูด คุณพ่อรัวจึงพูดว่า
“เราต้องจดจำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ให้ลืม” ท่านหาปากกาแต่ก็ไม่พบ เอาสมุดพกออกมาหาที่นี่ที่โน่นก็ไม่มีดินสอ คุณพ่อดูรานโดบอกว่า
“ผมคงจะจำเรื่องได้ไม่เป็นไร”
“ผมอยากจะจด” คุณพ่อฟายาโนพูด และลงมือเขียนโดยใช้ก้านดอกกุหลาบต่างปากกา ต่างคนต่างตั้งใจดูและอ่านจนเข้าใจเรื่องทั้งหมด พอคุณพ่อฟายาโนเขียนจบ คุณพ่อคอสตามาญา
กล่าวต่อไปว่า “ความรักเข้าใจทุกสิ่งอดทนทุกสิ่ง ชนะทุกสิ่ง เราจงสอนความรักทั้งด้วยวาจาและเป็นแบบฉบับด้วยกิจการ”
ขณะที่คุณพ่อฟายาโนกำลังเขียนอยู่ ความสว่างศูนย์หายไปและทุกคนก็อยู่ในความมืด
“เงียบเถอะ” คุณพ่อกีวาเรลโลพูด
“จงคุกเข่าสวดแล้วความสว่างคงจะมาใหม่” คุณพ่อลาซาญาก่อบทขับเวนีเครอาตอร์ บทภาวนาอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระกับบทมารีอาองค์อุปถัมภ์ของคริสตังค์และทุกคนได้ตอบรับบทเหล่านั้น
เมื่อสวดเสร็จแล้วความสว่างก็มาใหม่ แต่คราวนี้ส่องแต่เพียงบนป้ายแผ่นหนึ่ง ซึ่งมีคำเขียนว่า “คณะซาเลเซียนใน ค.ศ. 1900” อาจจะเป็นเช่นนี้ หลังจากนั้นความสว่างก็ทวีขึ้น แต่ก็เพียงที่เราสามารถมองเห็นกันได้เท่านั้น ในท่ามกลางความสว่างนั้นมีบุรุษเก่าปรากฏมาอีก แต่บัดนี้อาการน่าสงสารเหมือนคนที่อยากจะร้องไห้ เสื้อคลุมของท่านหมดราศีมอดกัดขาดเป็นรูพรุนไปหมดที่ซึ่งแต่ก่อนมีเพชรอยู่นั้นกลายเป็นรูใหญ่ ๆ เพราะมอดและแมลงอื่น ๆ กัดกิน ดูเถิด เพชร 10 เม็ดนั้นได้กลับเป็นมอด 10 ตัวที่กำลังกัดเสื้อคลุมอย่างขะมักเขม้น บุรุษผู้นั้นบอกให้พ่อสังเกตดูอย่างละเอียดและพยายามเข้าใจให้ดี ๆ
แทนที่เพชรแห่งความเชื่อ มีการนอนและเกียจคร้าย
แทนที่ของเพชรแห่งความไว้ใจ การหัวเราะและความหยาบคาย
แทนที่ของเพชรแห่งความรัก มีความเลินเล่อในการปรนนิบัติพระเป็นเจ้าพวกเขา(บรรดาสมาชิก) รักสิ่งที่เป็นของตน แต่ไม่รักสิ่งซึ่งเป็นของพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว
แทนที่เพชรแห่งความรู้ประมาณ การโลภอาหารและนับถือท้องเป็นพระเจ้าของตน
แทนที่เพชรแห่งการงาน การนอน การขโมยและความเกียจคร้าน
แทนที่เพชรแห่งความนบนอบ มีแต่รูใหญ่ ๆ มิได้มีคำใดจารึกไว้
แทนที่เพชรแห่งความบริสุทธิ์ การชอบความสวยงามภายนอกและความจองหองแห่งชีวิต
แทนที่เพชรแห่งความยากจน ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม เครื่องดื่มและเงิน
แทนที่เพชรแห่งบำเหน็จ ส่วนของเราคือสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินนี้
แทนที่เพชรแห่งการจำศีล มีแต่รูใหญ่ ๆ ปราศจากคำเขียนไว้
เมื่อเราได้เห็นดังนั้นก็ตกใจมาก คุณพ่อลาซาญาสลบไป คุณพ่อกาลิเอโรหน้าซีดเหมือนผ้าขาวพิงตัวกับเก้าอี้ร้องขึ้นว่า “เป็นไปได้หรือคณะของเรากลับเป็นอย่างนี้แล้วหรือ”
คุณพ่อลาสเซโรมีอาการเหม่อลอยแต่จับมือกันไว้แน่นเพื่อมิให้ล้ม คุณพ่อฟรินเซเซีย คุณพ่อกอนเตการีส คุณพ่อบาร์เบริสและคุณพ่อเรเวรีตโตคุกเข่าสวดลูกประคำ เวลานั้นมีเสียงดังก้องมาว่า “สีอันงามได้กะเทาะไปหมด”
เวลานั้นมีสิ่งแปลกเกิดขึ้น คือมีความสว่างอันแรงกล้าเป็นรูปมนุษย์ปรากฏมา เราไม่อาจมองดูท่านแต่พอจะทราบเค้าได้ว่าเป็นหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาสวยสง่า มีเสื้อถัดด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทองรอบ ๆ ชายเสื้อมีโบว์ประดับด้วย เพชรพลอยรุ่งโรจน์ ท่าทางมีสง่าและอ่อนโยนมากเข้ามาใกล้ ๆ เราแล้วพูดว่า “โอท่านซึ่งเป็นข้ารับใช้และเป็นเครื่องมือของพระเจ้า จงตั้งใจฟังให้เข้าใจเถอะ จงมีความยินดีและเข้มแข็ง สิ่งซึ่งท่านได้เห็นและได้ยินเป็นการตักเตือนอันมาแต่สวรรค์สำหรับท่านเองในเวลานี้และสำหรับสมาชิกผู้เป็นพี่น้องของท่าน จงรู้ตัวและเข้าใจในคำพูดของเรา ภัยอันตรายซึ่งท่านได้เห็นล่วงหน้านั้นจะก่อให้เกิดอันตรายน้อยกว่าในเวลาที่จะมาถึงจริง ๆ ทั้งท่านก็อาจขจัดมันได้ คำที่ท่านได้อ่านแล้วนั้นจงนำไปเป็นข้อความสำหรับอบรมและเทศน์สั่งสอน จงพูดถึงข้อความเหล่านี้บ่อย ๆ โดยไม่หยุดยั้ง แต่ว่าก่อนที่ท่านจะเอาไปเทศน์นั้น จงปฏิบัติเองก่อน ดังนั้นกิจการของท่านก็เป็นเสมือนความสว่าง ซึ่งบรรดาพี่น้องและสมาชิกของท่านจะปฏิบัติกันต่อ ๆ ไปเสมอ จงตั้งใจฟังให้เข้าใจดี ๆ จงเฝ้าระวังมิให้ใครเป็นเช่นนั้น จงฝึกหัดสั่งสอนพวกเขาให้เป็นคนเคร่งครัด จงเอาใจใส่เมื่อรับเขาเข้าเป็นสมาชิก จงทดลองทุก ๆ คน และเลือดเฉพาะผู้ที่เห็นว่าเหมาะสม คนที่อ่อนแอไม่มั่นคงจงคัดออก จงฟังเถิดและเข้าใจให้ดี ๆ นี่เป็นข้อระลึกทั้งในยามเช้าและยามเย็น จงตรึกตรองถึงการปฏิบัติตามพระวินัยเสมอ หากท่านทำเช่นนี้แล้ว จะได้รับความช่วยเหลือจาดพระเป็นเจ้ามิได้ขาด ท่านจะอยู่ต่อหน้ามนุษย์และเทวดา สิริมงคลของท่านเป็นสิริมลคลของพระเป็นเจ้าด้วย คนที่มาภายหลังท่านจะกล่าวว่า “การกระทำของพระองค์น่าพิศวงสำหรับเรา” เวลานั้นพี่น้องและศิษย์ของท่านจะร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ใช่เราที่ต้องรับเกียรติ แต่พระเกียรติมงคลจงมีแด่พระนามของพระองค์เทอญ”
คำพระเกียรติมงคล ร้องเป็นบทเพลงละมีเสียงผู้อื่นร้องสมบทด้วย ฟังดูไพเราะจับใจมากจนเราตะลึงพรึงเพลิดไป ส่วนพวกเราก็ได้ร่วมขับตามเขาไปด้วย พบจบลงความสว่างก็หายไปหมด แล้วพ่อตื่นเห็นว่าฟ้าสางแล้ว ความฝันนี่เป็นไปตลอดคืน ทำให้พ่อรู้สึกเพลีย กระนั้นก็ดี ด้วยความกลัวที่จะลืมจึงรีบลุกขึ้นจดข้อความที่สำคัญ ๆ เป็นเครื่องช่วยให้พ่อเขียนเรื่องนี้ในวันฉลองพระนางมารีอาถวายองค์ในพระวิหาร กระนั้นก็ยังจำได้ไม่หมด แต่ที่พ่อเข้าใจดีก็คือพระเจ้าทรงพระทัยดีและเมตตากรุณาต่อเรามากที่สุด พระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่คณะของเราและปรารถนาให้เราร่วมมือกับพระองค์ อันตรายต่าง ๆ ซึ่งน่ากลัวจะมีมาถึงนั้นก็คงไม่มา ถ้าพวกเราเทศน์ถึงฤทธิ์กุศลและพยศชั่วซึ่งแจ้งอยู่ในความฝันนั้น และหากเราปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ ที่เราจะสอนผู้อื่นและบอกพี่น้องของเราด้วยว่าเราได้เคยทำมาแล้วอย่างไร และจะต้องทำอย่างไรต่อไป พ่อยังเข้าใจอีกว่า เราต้องประสบความลำบากและความทรมานมากมายแต่จะได้รับความยินดีมากด้วย ในราว ค.ศ. 1890 เป็นที่น่ากลัว ในราว ค.ศ. 1895 จะมีความยินดีและได้รับสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ “มารีอาองค์อุปถัมภ์ของคริสตังค์ ช่วยวิงวอนเทอญ”
(จากประวัตินักบุญยวงบอสโก เล่ม 15 หน้า 183)