ต้อนรับพระธาตุคุณพ่อบอสโก

คลิปเสียงหนังสือนิมิตรสรรค์ 2

Get the Flash Player To see this player.

ภาคที่ 4

เมื่อทุกคนไปแล้ว มีแต่พ่ออยู่คนเดียวที่นั่นกับบุรุษผู้นั้น ชายผู้นั้นพูดกับพ่อว่า “มานี่ซิ ผมอยากให้ท่านเห็นส่วนที่สำคัญที่สุด ท่านจะได้เข้าใจดี ๆ”

“เห็นรถนั้นไหมครับ?”

“เห็นครับ”

“ทราบไหมว่าเป็นอะไร”

“ยังไม่ได้ดูดี ๆ”

“เข้ามาดูใกล้ ๆ ซิครับ” พ่อก็ขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นแผ่นกระดาษบนแผ่นกระดาษมีเครื่องหมายนั้นท่านก็จะทราบได้

พ่อเข้าไปใกล้กว่าอีก มองดูแผ่นกระดาษระบายสี มีตะปูใหญ่ 4 ตัว ใหญ่มาก พ่อจึงหันไปยังบุรุษผู้นั้นพลางกล่าวว่า “ผมไม่เข้าใจเลย ถ้าท่านไม่ช่วยอธิบายให้”

“ไม่เห็นตะปู 4 ตัว นั้นดอกหรือ ดูให้ดู ๆ เป็นตะปู 4 ตัวที่แทงทะลุและทรมานพระมหาไถ่อย่างสาหัส”

“แล้วเป็นอย่างไรอีก ?”

“เป็นตะปู 4 ตัว ที่ทำให้คณะเสื่อม ถ้าขจัดตะปู 4 ตัวนี้ได้เหตุการณ์ก็จะดำเนินไปดีและท่านก็จะรอดได้”

“ผมยังไม่เข้าใจว่าตะปูนั้นหมายถึงอะไร”

“ถ้าท่านอยากจะเข้าใจให้ดีขึ้น จงเข้าไปดูรถตู้ซึ่งมีตะปูนั้นเป็นเครื่องหมาย ท่านเห็นไหมว่าตู้รถนั้นแบ่งออกเป็น 4 ส่วน”

“แต่การแบ่งส่วนนั้นหมายความว่ากระไรกัน ?”

“ดูตะปูตัวแรก แล้วอ่านคำที่เขียนบนกระดาษ”

“คนที่เอาท้องเป็นพระ”

“อ้อ เดี๋ยวนี้พ่อเริ่มเข้าใจบางอย่าง”

ชายนั้นกล่าวว่า “นี่เป็นตะปูตัวแรกที่ทำลายคณะให้พินาศ และจะทำให้คณะของคุณพ่อพินาศไปด้วย” ถ้าพ่อไม่ระวัง “จงระวังและต่อสู้อย่างจริงจัง แล้วจะเห็นว่า สิ่งต่าง ๆ จะเจริญก้าวหน้า”

เดี๋ยวนี้จงดูส่วนที่สอง จงดูป้ายที่เขียนกำกับตะปูตัวที่สอง

“เขาหาตัวเอง และไม่หาสิ่งที่เป็นของพระ” ได้แก่ผู้ที่หาความสะดวกสบาย และสนใจในผลประโยชน์ของตน และบางครั้งของพี่น้องด้วย และไม่หาประโยชน์ของคณะ ซึ่งเป็นส่วนอวัยวะของพระคริสตเจ้า จงระวังให้อยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้และเห็นความเจริญก้าวหน้าของคณะ จงดูป้าย

            กำกับส่วนที่สาม คือตะปูตัวที่สาม   ลิ้นของเขาคือลิ้นงู การบ่นเป็นตะปูตัวร้ายอาจคณะ ส่อเสียด ยุยง หาแต่ตำหนิ และคอยติเตียนไม่เลือกหน้า

ป้ายกำกับส่วนที่สี่ คือตะปูตัวที่ สี่ ได้แก่ การอยู่ว่างเปล่า และการนอน ได้แก่คนเกียจคร้าน เมื่อคนเกียจคร้านชอบอยู่ว่างเปล่าในคณะ คณะก็จะพินาศเสียไป แต่ถ้าเขาทำงานมากก็จะไม่มีอันตรายประการนี้

เวลานี้อยากให้ท่านสังเกตอีกอย่างหนึ่งซึ่งอยู่ในป้ายนี้ หลายครั้งผู้ใหญ่ก็ไม่ระวังด้วยแต่ผมต้องการให้ท่านสังเกตเป็นพิเศษ มองที่มุมเก็บของที่ไม่อยู่ในสี่ส่วนนี้ แต่ก็เป็นสิ่งที่รวมอยู่ด้วยกันด้วย

“เห็นครับแต่ที่นั่นมีแต่ใบไม้แห้ง ๆ หญ้าสูง ๆ ต่ำ ๆ ไม่เป็นระเบียบ”

“ดีแล้ว ผมอยากให้ท่านสังเกตสิ่งเหล่านี้ดี ๆ ”

เมื่อพ่อมองดูดี ๆ ก็เห็นคำเขียนกำกับไว้ว่า

“ระวังนะ ในหญ้านั้นมีงูใหญ่ซ่อนอยู่”

“หมายความว่าอะไร” พ่อถาม

“ดูซิ” เขาพูด “มีบางคนซ่อนตัวไว้ ไม่เปิดเผยกับผู้ใหญ่ มีแต่หล่อเลี้ยงความคิดของเราเอง บุคคลเหล่านี้เสมือนซ่อนตัวอยู่ในกอหญ้า เขาเป็นเหมือนเชื้อกาฬโรคของคณะ ถ้าหากว่าเขาเป็นผู้มีตำหนิต่าง ๆ แต่เปิดเผยกับผู้ใหญ่ ก็ยังพอแก้ได้ แต่เขาพยายามซ่อนไว้ ความไม่ดีก็ยิ่งพอกพูนทวีขึ้น พิษก็ยิ่งทวีขึ้นในจิตใจของเขา คนแบบนี้ทำความเสียหายมากแล้ว เพราะฉะนั้น ให้ท่านเรียนรู้ถึงสิ่งที่จะต้องให้อยู่ห่างจากคณะ จงจดจำไว้ต้องสั่งให้มีผู้อธิบายถึงเรื่องเหล่านี้บ่อย ๆ ถ้าท่านทำเช่นนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวคณะจะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น”

ขณะนั้น พ่อขอเวลาจดไว้เพื่อเตือนความจำ “ถ้าต้องการจดก็จดได้ แต่น่ากลัวจะไม่ทัน ระวังนะ...” เมื่อเขาพูดเช่นนี้ พ่อเตรียมจะจด ก็ได้ยินเสียงอึกทึกวุ่นวายรอบ ๆ ตัว พื้นสั่นสะเทือน พ่อหันไปมอง ก็เห็นเด็กซึ่งไปแล้วนั้น ตกใจวิ่งมาหาพ่อ พ่อเห็นวัวกระทิงกลับมาอีก จึงตกใจตื่น

พ่อได้เล่าการฝันนี้ก่อนที่จะกลับบ้าน โดยแน่ใจว่า เป็นการปิดการเข้าเงียบอย่างดี พวกเราจะหลีกเลี่ยงตะปูสี่ตัวนี้ ที่ทรมานคณะ หรือทำให้คณะเสื่อมได้ คือ

  1. การโลภอาหาร
  2. การหาความสะดวกสบายใส่ตน
  3. การบ่นและการติเตียน
  4. การอยู่ว่างเปล่า

 

            ให้เพิ่มเติมอีกคือ ให้เป็นคนเปิดเผยและไว้ใจผู้ใหญ่ ถ้าเราทำเช่นนี้ เราจะทำความดีแก่วิญญาณของตน และแก่วิญญาณที่พระญาณสอดส่องได้ฝากไว้แก่เรา

เมื่อพ่อตกใจตื่นเพราะวัวกระทิงนั้น พ่อยังอยากเข้าใจถึงผลแห่งการรู้ประมาณในการกินการดื่มและอื่น ๆ ทั้งผลร้ายของการไม่รู้จักประมาณในเรื่องนี้ด้วย แล้วพ่อก็หลับไป พ่อหลับแล้วบุรุษผู้นั้นก็มาเชิญพ่อให้ติดตามเขาไปเพื่อจะได้ผลของการรู้จักประมาณและการไม่รู้จักประมาณ

เขานำพ่อไปที่สวนดอกไม้แห่งหนึ่ง มีดอกไม้นานาชนิด กุหลาบงดงามดอกโต ๆ หมายถึงความรัก มีดอกผีเสื้อ ดอกชิกกลามินี ดอกซ่อนกลิ่น ดอกไวโอเลต ดอกบานไม่รู้โรย ดอกทานตะวัน และอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งแต่ละชนิดหมายถึงฤทธิ์กุศลทั้งนั้น

บุรุษผู้นั้นกล่าว่า “เดี๋ยวนี้ระวังนะ สวนดอกไม้หายไปเหลือแต่เสียงอึกทึกครึกโครม”

“นี่อะไรกันนะ” พ่อพูด “เสียงอึกทึกนี้มาจากไหนกัน”

“หันหลังมาดูซิ” เขาตอบ

พ่อหันหลังไปดู เห็นภาพที่น่าเกียด น่ากลัวคือ เห็นเกวียนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เทียมด้วยหมูป่าและอึ่งอ่างยักษ์ อย่างละตัว

“เข้ามาใกล้ ๆ ซิครับ แล้วมองเข้าไปดูข้างใน” บุรุษผู้นั้นพูด พ่อเข้าไปใกล้เกวียนนั้น และมองดูข้างใน ก็เห็นเต็มไปด้วยสัตว์ที่น่าเกียด น่ากลัวน่าขยะแขยง เช่น นกกา งูชนิดต่าง ๆ แมลงป่องยักษ์ หอยโขง ค้างคาว จระเข้ ฯลฯ พ่อทนไม่ได้ต้องหันหลังออกมา เพราะกลิ่นสัตว์เหล่านั้นทำให้พ่อตกใจตื่น ตื่นแล้วก็ยังได้กลิ่นสัตว์อีกนาน พ่อรู้สึกสะเทือนใจในความรู้สึกรังเกียจนั้นทำให้พ่อนอนไม่หลับอีกเลย

(จากประวัตินักบุญยวงบอสโก เล่ม 12 หน้า 463)

db_lakorn
db_spot_info
db_mv1
db_music

db_nimit1

db_nimit2