08 October 2010
วันหนึ่งใน ค.ศ. 1847 หลังจากที่พ่อได้ตรึกตรองอยู่เป็นเวลานานถึงวิธีที่จะช่วยเหลือบรรดาเยาวชน แม่พระได้ประจักษ์มาหาพ่อ และพาพ่อไปที่สวนดอกไม้งดงามแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นมีระเบียงสวยงาม ที่ประตูมีดอกไม้เลื้อยหลายชนิดเลื้อยไต่ขึ้นไปตามซุ้มประตูเหมือนม่านงดงาม ระเบียงนี้ติดกับสวนดอกไม้ ซึ่งมีดอกไม้มากมายปกคลุมเต็มไปหมดทุก ๆ แห่ง
แม่พระสั่งพ่อว่า “ท่านจงถอดรองเท้าออกเสียเถิด”
แล้วเมื่อพ่อได้ปฏิบัติตามแล้ว พระนางก็เสริมต่อไปว่า “จงเดินตามสวนดอกไม้นี้ นี่แหละคือถนนที่ท่านต้องเดิน” พ่อยินดีถอดรองเท้า เพราะนึกเสียดายที่จะเหยียบย่ำดอกกุหลาบงดงามนั้น พ่อเริ่มเดินตามสวนดอกไม้นั้นแต่ต่อมาสักครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าภายใต้ดอกกุหลาบเหล่านั้นมีหนามแทงเท้าของพ่อจนเลือดไหลโทรม พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด แล้วยังกลับหลังอีกด้วยซ้ำ
“ที่นี่ต้องสวมรองเท้า” พ่อบอกกับคนนำทางของพ่อ
“แน่นอน” พระนางรับสั่ง
“และต้องเป็นรองเท้าที่ดีด้วย”
พ่อสวมรองเท้าอีกและเริ่มเดินต่อไปพร้อมกับพวกเราหมู่หนึ่ง ซึ่งปรากฏมาในขณะนั้นเองและเขาเหล่านั้นยินดีเดินตามพ่อไปตามทางใต้ต้นกุหลาบซึ่งเลื้อยไปตามซุ้มโค้ง พ่อยิ่งเดินไปถนนก็ยิ่งแคบลงทุกทีจนมีกิ่งไม้ห้อยลงมาและหลายกิ่งของเถาเหล่านี้ก็พันกลับขึ้นไปใหม่ มีกิ่งและเถากุหลาบเลื้อยยื่นออกมาสองข้างทางเดินจนติดดิน มีกิ่งมากมายห้อยลงมาบนทางและกีดขวางทางเดินอีกด้วย มีกิ่งอื่น ๆ อีกมากมายเรี่ยรายอยู่ตามทาง สูงกว่าพื้นดินเล็กน้อย
กิ่งไม้นี้อยู่ข้างบน ข้างล่าง ข้างขวา ข้างซ้าย ล้วนเป็นดอกกุหลาบชนิดเดียวกัน ขณะที่พ่อกำลังรู้สึกปวดเท้าอยู่นั้นจึงยื่นมือไปแตะดอกกุหลาบแต่รู้สึกว่าภายใต้ดอกกุหลาบก็มีหนามเหมือนกัน แม้เป็นเช่นนี้พ่อก็ยังขืนเดินต่อไป เท้าของพ่อแตะกิ่งที่เลื้อยอยู่ตามดินจนเป็นแผล และแม้แต่เพียงเอามือค่อย ๆ แหวกเถาของมันที่กีดขวางทางข้าง ๆ หรือก้มหลัง เท้านั้นก็ยังรู้สึกเจ็บมือและเจ็บไปทั่วทั้งตัว กิ่งที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีหนามมาก และทิ่มแทงศีรษะปวดไปหมด
ในเวลานั้นพระมารดาได้บรรเทาพ่อ พ่อจึงมีน้ำใจที่จะเดินทางนั้นต่อไป นาน ๆ ทีรู้สึกว่ามีหนามทิ่มทำให้พ่อรู้สึกเจ็บมาก
มีคนหลายคนมองดูพ่อและพูดว่า
“โอ ! คุณพ่อบอสโก คุณพ่อเดินบนดอกกุหลาบเรื่อย ๆ คุณพ่อสบายมากไม่มีความลำบากอะไรเลย”
ที่จริงเขาไม่เห็นหนามที่ทิ่มพ่อเจ็บมาก บรรดาพระสงฆ์ เณร บราเดอร์เป็นอันมากยินดีเดินตามพ่อ เพราะเขาเห็นแต่ความงามของดอกกุหลาบ แต่พอเขาสังเกตเห็นว่าต้องเดินอยู่บนปลายหนามอันแหลมดังเข็มมากมายเช่นนั้น เขาก็ร้องว่า
“คุณพ่อหลอกพวกเรา” พ่อจึงตอบว่า
“ใครอยากจะเดินบนดอกกุหลาบอย่างสบายก็จงถอยหลังไปเถิด ส่วนที่เหลืออยู่จงตามพ่อมา”
มีคนถอยหลังกลับไปมากมาย เมื่อท่านได้เดินทางไปไกลมากแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็กำลังถอยหลังไปอีกด้วย พ่อเรียกเขาเหมือนกัน แต่ไร้ผลเพราะเขาไม่ยอมฟังเรื่องที่พ่อกำลังพูด
เมื่อเป็นเช่นนั้นพ่อก็ร้องไห้และพูดกับตัวเองว่า
“นี่ฉันจะสามารถเดินทางขรุขระและลำบากเช่นนี้คนเดียวได้ละหรือ ?”
ต่อมาไม่นานพ่อรู้สึกดีใจมากเพราะมีพระสงฆ์ซาเลเซียน สามเณร ฆราวาสเป็นจำนวนมากมาหาพ่อ และพูดว่า
“เอาเถิดคุณพ่อ พวกเราเตรียมพร้อมที่จะตามคุณพ่อไป”
พ่อเดินนำหน้าเขาและมีบางคนเกิดท้อใจเลยหยุดอยู่กลางทาง แต่ส่วนใหญ่ก็เดินไปได้ตลอดทาง
เมื่อเดินไปจนสุดปลายทางนั้นแล้ว ก็ถึงสวนวิจิตรงดงามแห่งหนึ่ง บรรดาเพื่อนร่วมทางก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังพ่อ หน้าตายุ่งเหยิง ผมเผ้ารุงรัง เลือดไหลโทรมกาย แต่พอลมพัดมาเฉื่อย ๆ ฤทธิ์อำนาจของลมทำให้ทุกคนหายเจ็บปวดหมด และยังมีลมอีกชนิดหนึ่งพัดมาทำให้เด็กประจักษ์มา เณร บราเดอร์ และพระสงฆ์เป็นอันมาก เริ่มสอนและนำพวกเด็ก ๆ เหล่านั้น
บางคนพ่อเห็นแล้ว แต่บางคนพ่อยังไม่เคยเห็นและไม่รู้จักด้วยเดินต่อไปอีกเนินลูกหนึ่ง บนเนินนั้นมีตึกงดงามหลังหนึ่งตั้งอยู่ พอพวกเราเดินผ่านพ้นธรณีประตูเข้าไป ก็พบห้องโถงใหญ่โตมโหฬาร ประดับด้วยของประเสริฐงามยิ่งกว่าราชวังใด ๆ ในโลก มีดอกกุหลาบปราศจากหนามเต็มไปทั้งห้อง ส่งกลิ่นจรุงใจ เวลานั้นพระมารดาซึ่งได้พาพ่อมาตลอดทางรับสั่งถามพ่อว่า
“เหตุการณ์ที่เห็นก่อนและเดี๋ยวนี้หมายความว่ากระไร”
“ข้าพเจ้าไม่ทราบ” พ่อตอบ
“ขอพระนางได้โปรดอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังด้วย”
“ทางที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบและหนามที่ท่านผ่านมานั้น หมายความว่าต้องระวังบรรดาเยาวชนในขณะที่ท่านเดินต้องสวมรองเท้าหมายความว่าต้องเสียสละและพลีกรรม” พระนางรับสั่ง
“หนามตามพื้นดินหมายถึงความติดใจตามธรรมชาติ ความชอบพอกันหรือความเกลียดชังกันเหล่านี้เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เขาบรรลุการอบรมของเขาและอดที่จะได้บุญกุศลสำหรับชีวิตนิรันดร ดอกกุหลาบหมายถึงความรักอันร้อนรนที่ตัวท่านเองและบรรดาผู้ที่ร่วมมือกับท่านจะต้องมี
หนามที่สองหมายถึงความลำบาก ความทรมาน ความเสียใจที่พวกเธอจะต้องรับแต่อย่าน้อยใจไปเลย อาศัยความรักการเสียสละและการพลีกรรมนี้ท่านจะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคที่ขัดขวางต่าง ๆ ไปได้อย่างสะดวกสบาย และจะบรรลุถึงสภาพที่ที่มีดอกกุหลาบปราศจากหนาม”
เมื่อพระมารดาตรัสคำเหล่านี้จบแล้ว พ่อก็ตกใจตื่นขึ้น และรู้สึกว่าพ่ออยู่ในห้องของพ่อเอง
(จากประวัตินักบุญยวงบอสโก เล่ม 3 หน้า 32)